ดาวโจนส์ร่วงกว่า100จุดหลังรู้ผลประชุมเฟด

ดาวโจนส์ร่วงกว่า100จุดหลังรู้ผลประชุมเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ(26ก.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวร่วงลง 106 จุด หลังจากประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเดือนธ.ค.และขึ้นดอกเบี้ยอีก3ครั้งในปีหน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 106.93 จุด ปิดที่ 26,385.28 ดัชนีเอสแอนด์พี 500  ร่วงลง 0.3% ปิดที่ 2,905.97 และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.2 % ปิดที่ 7,990.37 จุด

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มสื่อเป็นแกนนำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวแดนลบ หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง หลังซีอีโอ เผยว่าการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทถึง 1 พันล้านดอลลาร์

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมวันพุธ(26ก.ย.) ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ เฟดยังได้ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.,มิ.ย. และในเดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง

ขณะนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.00-2.25% เทียบเท่ากับระดับในเดือนเม.ย.2551 ถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 8 นับตั้งแต่เฟด เริ่มปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติในเดือนธ.ค.2558

คณะกรรมการเฟด ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่เหนืออัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางในระยะยาวต่อไปอีก 2 ปี และเฟดมีความจำเป็นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยัง ระบุในแถลงการณ์ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นอย่างมาก ขณะที่การใช้จ่ายในภาคครัวเรือน และการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของภาคธุรกิจได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง