เพื่อไทยแถลงการณ์ จี้ คสช.หยุดใช้อำนาจคุกคามพรรคอื่น
"พรรคเพื่อไทย" ออกแถลงการณ์ จี้คสช. หยุดอ้างม.44 คุกคามพรรคอื่น ชี้เป็นการคุกคามสร้างความได้เปรียบทางการเมือง
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.62 พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรื่อง 'รัฐบาล คสช.' ต้องหยุดการใช้อำนาจ ในการคุกคามพรรคการเมืองต่างๆ โดยมีเนื้อหาระบุว่า ในช่วงสถานการณ์ที่ประเทศกำลังมีการเลือกตั้ง เป็นที่ชัดเจนว่า รัฐบาล คสช. กำลังใช้อำนาจเผด็จการตามมาตรา 44 ที่ให้อำนาจฝ่ายทหารเข้าตรวจค้นบ้านพัก คุกคามบุคคลโดยไม่ต้องมีหมายศาล เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งของฝ่ายตน
เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้รับรายงานว่า ช่วงเวลานี้ มีการนำกำลังทหารเข้าตรวจค้นบ้านพักของสมาชิกสภาจังหวัด และหัวคะแนนของผู้สมัครพรรคเพื่อไทยในบางจังหวัด โดยกระทำการคุกคามเข้าตรวจค้นเสมือนการจับกุมอาชญากร และจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ ทราบว่ามีการเตรียมการจะดำเนินการในเขตเป้าหมายอีกหลายพื้นที่ แทบไม่น่าเชื่อว่า
โดยการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงมีกฤษฎีกาเลือกตั้ง และกำลังจะมีการเลือกตั้งในอีกไม่กี่วันนี้ ซึ่งโดยหลักการแล้วควรที่จะให้อำนาจทั้งหลายเป็นของ กกต.และหากจะมีการกระทำผิดใดๆ ก็ควรเป็นเรื่องของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรง การดำเนินการเช่นนี้ จึงเป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในการสืบทอดอำนาจ เพราะเป็นที่ทราบกันอย่างชัดเจนว่า ผู้นำ คสช.เป็นแคนดิเดตของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง
ดังนั้น การเข้าตรวจค้นเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยตามมาตรา 44 ของ คสช. จึงแปลความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเพื่อสร้างความได้เปรียบและข่มขู่ทางการเมือง สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ ทั้งที่กำลังทหารนั้นต้องมีไว้เพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู มิใช่เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กกต.ที่ต้องให้ความสำคัญและแสดงท่าทีหยุดยั้งต่อปัญหานี้โดยเร็ว มิใช่เป็นฝ่ายรอรับรายงาน โดยเฉพาะในหลายพื้นที่ที่มีข้อมูลร้องเรียนว่า หลายจังหวัดมีการใช้อำนาจกดดันฝ่ายตรงข้าม ใช้กลไกทหารเข้าข่มขู่ คุกคามหัวคะแนน ประชาชนผู้สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
"พรรคเพื่อไทยขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนร่วมกันจับตามองพฤติกรรมความรุนแรงนี้ ที่กระทำโดยบุคคลในนามของรัฐ ทั้งนี้ก็เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายด้วยความเป็นธรรม มิใช่กลายเป็นการเลือกตั้งที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยว่า มีการใช้อำนาจจากกลไกรัฐที่รุนแรงมากที่สุด เพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้ามของตน"