ป.ป.ช.จับ “พ.ต.ท.” คาวัด หนีหมายจับ คดีเบียดบังเงินล่อซื้อยาเสพติด 14 ล้าน

ป.ป.ช.จับ “พ.ต.ท.” คาวัด หนีหมายจับ คดีเบียดบังเงินล่อซื้อยาเสพติด 14 ล้าน

ป.ป.ช.สนธิกำลังหลายฝ่าย ลุยจับ “พันตำรวจโท” คาวัด หลังหลบหนีคดีเบียดบังเงินล่อซื้อยาเสพติดกว่า 14 ล้านบาท อีกราย “อดีตปลัด อบต.” โดนด้วย คดีเบิกจ่ายเงินเกินจริง 3 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 22-23 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ข้อมูลการบุกจับกุมผู้ถูกกล่าวหา ที่หลบหนีหมายจับของศาลในพื้นที่คดีทุจริต และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 2 ราย ได้แก่

1.เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2565 สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ  ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มสืบสวนฯ1 โดยนางสาวจันทิมา อรุณรัตน์ นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการ  นายทรงชัย บุตรงาม นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการ และ ส.ท.ศุภฤกษ์ อมรรัตน์ นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการ ดำเนินการสืบสวนติดตามบุคคลตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ จ.17/2565 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2565 ราย นายพุฒเทวัญ วรรณเลิศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิพนักงานส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และเป็นอดีตปลัด อบต.ขยาย อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ปลัด อบต.ขยาย มูลค่าความเสียหาย 3 แสนบาท

ป.ป.ช.จับ “พ.ต.ท.” คาวัด หนีหมายจับ คดีเบียดบังเงินล่อซื้อยาเสพติด 14 ล้าน

จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เจ้าหน้าที่กลุ่มสืบสวนฯ1 จึงได้ลงพื้นที่สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่่ตำรวจ สภ.บางปะอินร่วมกันจับกุมตัวผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับรายนี้ได้เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2565 เวลา 09.30 น. ณ บริเวณทางเข้าหมู่บ้านชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้ควบคุมตัวไปทำบันทึกการจับกุม พิมพ์ลายนิ้วมือ และหนังสือส่งตัว ณ สภ.บางปะอิน จากนั้นในวันเดียวกันได้นำตัวผู้ถูกกล่าวหาส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 1 เพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิขอบภาค 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

2.เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565 กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1  สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวน ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เถิน อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง จับกุมตัวผู้ถูกกล่าวหา ราย พันตำรวจโท วีระเดชหรือศิระเดช  กีรติพสุวัฒน์ ตามหมายจับ จำนวน 2 หมายจับ ได้แก่ หมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง ที่ 6/2563 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์ฯ และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตาม ป.อ. มาตรา 147 และมาตรา 157 เหตุเกิดเมื่อเดือนมกราคม 2554 – กุมภาพันธ์ 2554 ที่สำนักงาน ป.ป.ส. เขตพญาไท กรุงเทพ และหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตฯกลาง ที่ จ.89/2565 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานในฐานเดียวกัน เหตุเกิดเมื่อเดือนธันวาคม 2553 – มีนาคม 2554 ที่ บช.น. เขตดุสิต และ บก.น.7 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ (ต่างกรรมต่างวาระ) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสารวัตรสืบสวน กก.สส. บก.น.7  มีพฤติการณ์โดยได้ทุจริตเบียดบังเอาเงินยืมเพื่อปฏิบัติการล่อซื้อยาเสพติด จำนวน 6 ล้านบาท และ 8.3 ล้านบาท ตามลำดับ รวมจำนวนกว่า 14 ล้านบาท ไปโดยไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย

ป.ป.ช.จับ “พ.ต.ท.” คาวัด หนีหมายจับ คดีเบียดบังเงินล่อซื้อยาเสพติด 14 ล้าน

สืบเนื่องจากการสืบสวน ทราบข้อมูลว่า ภายหลังเกิดเหตุผู้ถูกกล่าวหาหย่าร้างกับภรรยา แล้วประกอบอาชีพเป็นตัวแทนประกันชีวิต (AIA) และเปลี่ยนที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรหลายครั้ง แต่ยังมีมารดาซึ่งชราภาพแล้วพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่ภูมิลำเนา ณ ตำบลล้อมแรด อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง จึงลงพื้นที่ไปยังบ้านมารดาดังกล่าว เพื่อทำการสืบสวนหาข่าวในพื้นที่จนทราบว่า ผู้ถูกกล่าวหาบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดดอนไชย ตำบลล้อมแรด อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง จึงได้เข้าทำการจับกุมตัว/ลาสิกขา และทำบันทึกจับกุม/พิมพ์ลายนิ้วมือ ที่ สภ.เถิน อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และนำตัวส่งให้พนักงานอัยการและผู้ว่าคดี เพื่อฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง (ทั้ง 2 คดี) ต่อไป

อย่างไรก็ดีการบุกจับกุมดังกล่าว คดียังไม่ถึงที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังมีสิทธิต่อสู้คดีในชั้นศาล ดังนั้นจึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่