เบื้องลึก ‘แพทองธาร’ คุมกทม. ยึดอำนาจ ‘พวงเพ็ชร’ พ้นวงโคจร

เบื้องลึก ‘แพทองธาร’ คุมกทม. ยึดอำนาจ ‘พวงเพ็ชร’ พ้นวงโคจร

จุดเปลี่ยนของพวงเพ็ชรที่ถูกปลดจาก “รัฐมนตรี” และถูกยึดคืนอำนาจ “หัวหน้าทีม กทม.” มาจากการรอยร้าวในช่วงการทำงานร่วมกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ

Key Points :

  • หลังพ้นจากเก้าอี้ รมต. ประจำสำนักนายกฯ มีกระแสข่าวออกมาว่า "พวงเพ็ชร ชุนละเอียด" จะได้ทำงานฝ่ายบริหารต่อไป แต่แรงแค้นจาก "เบอร์หนึ่ง" เดินเกมกีดกันทุกช่องทาง
  • พ่วงไปถึงสถานะในพรรคเพื่อไทย จากที่เคยได้รับมอบหมายให้คุมภาคกทม. แต่ผลงานไม่เข้าเป้า ตอนนี้ "แพทองธาร ชินวัตร" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ริบอำนาจมาคุมภาคกทม.ด้วยตัวเองอย่างเป็นทางการ

ปฏิบัติการเสร็จนาฆ่าโคถึกของแท้ หลังจาก“เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกปรับพ้นคณะรัฐมนตรี ยังถูกริบอำนาจในพรรคเพื่อไทย จากที่บารมีเบ่งบานคุมภาค กทม. จนได้สมญานาม “มาดามนครบาล”

 ล่าสุด “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงนามคำสั่งพรรคเพื่อไทย แต่งตั้งคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)

โดยหัวหน้าอุ๊งอิ๊งขึ้นมาเป็นประธานกรรมการเอง พร้อมทีม ประกอบด้วย จักรพงษ์ แสงมณี รองประธานกรรมการ และมีกรรมการ พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ดนุพร ปุณณกันต์ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ และ พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ เป็นกรรมการและเลขานุการ

คณะกรรมการชุดนี้ มีอำนาจหน้าที่ 1. ติดตามและให้คำแนะนำการปฏิบัติงานของ ส.ก. ของพรรค ในการปฏิบัติหน้าที่ในสภากรุงเทพมหานคร 2. ติดตามและให้คำแนะนำ ส.ก. ของพรรคในการลงพื้นที่ดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชน 3. รับฟังข้อเสนอและความคิดเห็นของ ส.ก. เพื่อร่วมกันพิจารณากำหนดแผนและแนวทางการปฏิบัติงานในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ส.ก.

4. ประเมินผลการปฏิบัติงานของ ส.ก. ของพรรคเพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริหารพรรครับทราบ 5. อำนาจหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการบริหารพรรค หรือหัวหน้าพรรคมอบหมาย 6. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งนี้

แม้คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับ “ส.ก.” แต่ต้องไม่ลืมว่า “ส.ก.” ของพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่ยึดโยงกับ อดีต สส. กทม. เนื่องจากฐานเสียงมาจากอดีต สส.กทม. เกือบทั้งหมด

เมื่อดูจากโครงการกรรมการชุดดังกล่าว มีทีม “ธีรรัตน์” เป็น สส. กทม. เขตลาดกระบัง “พลภูมิ” อดีต สส. กทม. เขตคันนายาว ส่วน “ดนุพร” เป็นทีมหาเสียง สส. กทม. ซึ่งมี “พวงเพ็ชร” เป็นคนบริหารจัดการ

ทว่า “ธีรรัตน์-พลภูมิ” ไม่ใช่สายตรงที่ขึ้นกับพวงเพ็ชร ดังนั้นชัยชนะของ “ธีรรัตน์” จึงไม่ใช่เครดิตของอดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ

และต้องยอมรับว่า ความพ่ายแพ้ในสนาม กทม. บรรดา “บิ๊กเนมเพื่อไทย” ต่างโยนความผิดมาให้ เจ๊แจ๋น พวงเพชร แต่ที่ยอมให้มานั่งเก้าอี้เสนาบดี เพราะมีแรงหนุนจาก “อดีตนายกฯหญิง” ที่ต้องการต่างตอบแทน

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนของพวงเพ็ชรที่ถูกปลดจาก “รัฐมนตรี” และถูกยึดคืนอำนาจ “หัวหน้าทีม กทม.” มาจากการรอยร้าวในช่วงการทำงานร่วมกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ

มีกระแสข่าวว่าสไตล์การทำงานของ “พวงเพ็ชร” ไม่ค่อยประทับใจ “เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า” สักเท่าไร มีหลายเหตุการณ์ที่ถูกเรียกมาตำหนิ แม้จะสามารถเคลียร์ใจกันได้ แต่ก็ได้สร้างบาดแผลในใจให้เกิดขึ้น

แถมยังมีหลายเรื่องที่ “อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ” รายงานความคืบหน้าการทำงานให้ “อดีตนายกฯ” ได้ทราบก่อนรายงานให้ “เบอร์หนึ่งคนปัจจุบัน” ยิ่งขยายแผลเดิม จนถูกมองว่าล้ำเส้น

สไตล์ “เบอร์หนึ่ง” นักสังเกตการณ์ในพรรค ว่ากันว่า แรงแค้นพุ่งปรี๊ด เมื่อปลดได้แล้ว ย่อมไม่ปล่อยไว้ให้กลับมาเอาคืน จึงเดินเกมไล่ต้อนให้จนกระดาน

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า จะแต่งตั้ง “พวงเพ็ชร” ให้มีตำแหน่งในฝ่ายบริหาร โฟกัสไปที่เก้าอี้ “ที่ปรึกษานายกฯ” แต่ล่าสุดถูกสกัดไม่ให้มีตำแหน่งใดๆ 

หลังจากนี้ต้องจับว่า สถานะของ “พวงเพ็ชร” ภายในเพื่อไทยจะเป็นอย่างไร จะพอเหลือที่ยืนทางการเมืองในพรรคอีกหรือไม่ แต่ที่พอจะฟันธงได้ หากนายกฯยังชื่อ “เศรษฐา” การคัมแบ็คของ “พวงเพ็ชร” ยากลำบากยิ่ง