จับตาอลหม่าน เขย่า ครม. อุ๊งอิ๊ง 1/1 แลกโควตา โยกสลับ หลังศึกซักฟอก

การเมืองเข้าสู่โหมดเข้มข้น เมื่อ “ขั้วฝ่ายค้าน” จ่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกฯ-รัฐมนตรี” แบบลงมติ บรรดา “บิ๊กรัฐบาล” ต่างส่งสายสืบหาข้อมูลอินไซด์เพื่อเตรียมคำชี้แจง ประเด็นซักฟอกของ “ขุนพลสีส้ม”

ไทม์มิ่งศึกซักฟอก อาจจะอยู่ในช่วงต้นถึงช่วงปลายมี.ค. เนื่องจาก “ขั้วรัฐบาล” และ “ขั้วฝ่ายค้าน” ต้องรอวางคิววันเวลาที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีภารกิจติดพัน โดยเฉพาะ “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ที่มีกำหนดการเยือนต่างประเทศอยู่ก่อนแล้ว

ขณะเดียวกัน “ขั้วฝ่ายค้าน” ประกอบด้วย พรรคประชาชน พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเล็ก นัดดินเนอร์วันนี้ (7 ก.พ. 68) โดยมีการหารือประเด็นการเปิดศึกซักฟอก โหมโรงเรียกแขกกันตั้งแต่เนิ่นๆ

แม้ “ขั้วฝ่ายค้าน” จะพยายามปิดลับ “ประเด็นซักฟอก” เพื่อไม่ให้ “นายกฯ-รัฐมนตรี” ซึ่งตกเป็นเป้าหมาย เตรียมข้อมูลหักล้างตอบโต้ ได้ เนื่องจากศึกตรวจสอบรอบนี้ จะเป็นตัวพิสูจน์การทำงานของ “พรรคประชาชน” ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านว่าจะมี “ไม้เด็ด-ทีเด็ด” สั่นสะเทือนรัฐบาลหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากมองตามหน้าสื่อ ประเด็นซักฟอกอาจจะไม่หนีไปจากปมร้อนของรัฐบาลในเวลานี้ “ขั้วฝ่ายค้าน” อาจมีหมัดเด็ดซ่อนเอาไว้ หากหวังจะน็อกรัฐบาลคาสภาฯ

เมื่อเช็กลิสต์ “ประเด็นซักฟอก” เป้าหลัก อาจไม่ใช่ “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” แต่อาจจะเป็น “พ่อนายกฯ” ทักษิณ ชินวัตร ที่แม้จะไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล แต่เป็น “ผู้นำจิตวิญญาณ” ที่ไม่ว่าจะพูดนโยบายใดๆ บรรดาบิ๊กรัฐบาลต้องขานรับนโยบายทันที

โฟกัสหลักที่จะกระทบต่อ “ทักษิณ” อย่างเลี่ยงไม่ได้ หนีไม่พ้นปม “ป่วยทิพย์” เข้ารักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ภายหลังเดินทางเข้ารับโทษตามคำพิพากษา แต่กลับปรากฏว่าไม่ได้นอนเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยกรมราชทัณฑ์ส่งตัวมายังโรงพยาบาลตำรวจทันที

กรณีดังกล่าว พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ แม้จะอ้างว่า “ทักษิณ” ถูกส่งตัวมาก่อนเข้ารับตำแหน่ง แต่ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ “บิ๊กวี” ย่อมรับทราบทุกขั้นตอน

ปมที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นอาณาจักรของ “ครูใหญ่บุรีรัมย์” โดย “กรมที่ดิน” ซึ่งอยู่ในความดูแลของ “หัวหน้าหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย มีคำสั่งไม่เพิกถอนสิทธิครอบครองที่ดินเขากระโดง

ตรงกันข้ามกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ในความดูแลของ “เดอะซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ รมว.คมนาคม ที่ยืนยันว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของ รฟท.

ข้อพิพาทระหว่าง “มหาดไทย-คมนาคม” แม้จะยังไร้ข้อสรุป แต่ได้กลายเป็นปมร้าวใน “ขั้วรัฐบาล” เพราะหากยื่นซักฟอก ย่อมทำให้ สส.ทั้ง ค่ายสีแดงและค่ายสีน้ำเงิน เกิดความลำบากใจ ในการโหวตไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีใน “ขั้วรัฐบาล” อย่างแน่นอน

นโยบาย “แจกเงินหมื่น” ดิจิทัลวอลเล็ต แต่ในที่สุด รัฐบาลเพื่อไทยตัดสินใจแจกเงินสด ให้กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มสูงอายุ ไปแล้วสองเฟส โดยเฟสสาม จะแจกในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ต แต่การแจกเงินสด 2 เฟสแรก ถือว่าผิดไปจากนโยบาย ที่เคยให้คำมั่นสัญญาในช่วงหาเสียง ที่สำคัญการแจกเงินหมื่นกลับไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่คาดหวัง

 

นโยบายสร้าง “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ถูกจองกฐินโดย “พรรคพลังประชารัฐ” โดยจะฉายภาพว่า นโยบายดังกล่าวจะสร้างปัญหา เซาะกร่อนบ่อนทำลาย เป็นภัยคุกคามประเทศ จะนำไปสู่ปัญหาการติดการพนันอย่างกว้างขวาง นำไปสู่ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่รุนแรง

ขณะที่มาตรการตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ระงับส่งน้ำมัน 5 จุดในเมียนมา หลังพบความเชื่อมโยงแก๊งคอลเซนเตอร์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.68 ต้องติดตามว่า “ขั้วฝ่ายค้าน” จะปล่อยข้อมูลเชิงลึก โจมตีรัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหน

ศึกซักฟอกครั้งแรก ที่ “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ต้องเผชิญ อาจเป็นได้ทั้งวิกฤติ และโอกาสของรัฐบาล ที่สำคัญยังฉวยเป็นโอกาสในการปรับ ครม. เพื่อปรับโฉมรัฐบาล รีบูตการทำงาน 

ล่าสุด เริ่มมีแรงกระเพื่อมอีกระลอก ว่า “เพื่อไทย” อาจต้องแลกบางกระทรวงกับ“ภูมิใจไทย” โดยเฉพาะระหว่าง “กระทรวงสาธารณสุข” กับ “กระทรวงมหาดไทย” รวมถึง “กระทรวงแรงงาน” ที่ "เพื่อไทย" ต้องการนำไปขับเคลื่อนนโยบายค่าแรง 600 บาทต่อวัน

 ขณะที่การปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรี ยังมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้ในหลายกระทรวง

พรรคเพื่อไทย ยังมีสัญญาณว่าอาจเปลี่ยนตัว รมว.พาณิชย์ หากเกิดขึ้นจริง "พิชัย นริพทะพันธุ์" มีโอกาสพ้นจากตำแหน่ง โดยไม่ถูกโยกไปกระทรวงอื่น ส่วนคนที่จะมาแทนนั้น ว่ากันว่า “นายใหญ่”เพื่อไทย เจ้าของโควตา มีตัวบุคคลที่เล็งเอาไว้แล้ว

 ส่วนพรรคแนวร่วมอย่าง “ประชาชาติ” มีโอกาสที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม จะหลบกระแส “ชั้น 14” โยกไปนั่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แทน "วราวุธ ศิลปอาชา" ที่ถูกจับตาว่า อาจถูกดันไปนั่ง รมว.การต่างประเทศ แทน "มาริษ เสงี่ยมพงษ์"

สมการนี้ จะส่งผลให้ “กระทรวงยุติธรรม”ว่างลง จึงถูกมองว่า ตำแหน่งนี้อาจถูกฝาถูกตัวอย่างยิ่งกับ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มากกว่า รมว.พลังงาน ที่เจ้าตัวกำลังเผชิญศึกหลายด้าน

 อย่างไรก็ตาม การเขย่า ครม.รอบนี้ โควตารัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในสายกรรมการบริหารพรรค อาจต้องลุ้นด้วยว่า จะถูกผ่าครึ่ง เหลือ 1 เก้า รมว. + 1 รมช.หรือไม่ เมื่อมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุน ที่พยายามขอแบ่งโควตาคนละครึ่ง คือ "1 รมว. + 1 รมช." โดยเริ่มโยนหินถามทาง ด้วยชื่อ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” อาจกลับเข้ามานั่ง รมว.พลังงาน อีกครั้ง

ขณะที่พรรคกล้าธรรม ได้เตรียมสลับตัวรัฐมนตรีในโควตา โดยมีแนวโน้มที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์พรรค พร้อมจะกลับมานั่งเก้าอี้รมว.เกษตรและสหกรณ์ แทนนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่อาจจะโยกไปนั่ง รมช.คลัง

ครม.แพทองธาร 1/1 ที่เดินมาถึงเกือบครึ่งเทอม จำเป็นต้องวางหมากบนกระดานการเมืองใหม่ เพื่อสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรม เตรียมพร้อมไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ 

ดังนั้น ความเคลื่อนไหวบนกระดานการเมืองจากนี้ไป การชิงเหลี่ยมทั้ง “ขั้วรัฐบาล” และ “ขั้วฝ่ายค้าน” ย่อมไม่พ้นความอลหม่านทั้งหน้าม่าน และหลังฉาก  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์