ดีเอสไอบุก กกต. ดึงภาพวงจรปิดวันเลือกสว.-หลักฐานมัดล็อตแรก 30 คน

ดีเอสไอบุก กกต. ดึงภาพวงจรปิดวันเลือกสว.-หลักฐานมัดล็อตแรก 30 คน

‘ดีเอสไอ’ บุก กกต. ดึงภาพวงจรปิดวันเลือก สว. มัด “แก๊งโพยฮั้ว” หลักฐานมัดล็อตแรก 30 คน ดำเนินการเสร็จ เม.ย.-พ.ค.

รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งว่า ในวันนี้ดีเอสไอจะส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำทีมโดย คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่ กกต.แต่งตั้งให้มีอำนาจตรวจสอบกระบวนการเลือก สว. เดินทางไปที่สำนักงาน กกต. เพื่อดึงข้อมูลภาพที่บันทึกจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด ตลอดทั้งกระบวนการเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว มาเป็นพยานหลักฐานในการสอบสวนการกระทำความผิดฐาน “ฟอกเงิน” ซึ่งอาจโยงถึงขบวนการ “อั้งยี่” ที่วางแผนฮั้วการเลือก สว.ให้กลุ่มคนของพวกตนได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา 

โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มานั้น ทางดีเอสไอ ได้ประสานทาง กกต.เรียบร้อยแล้ว และจะนำมาเชื่อมกับข้อมูลเอกสารการลงคะแนนเลือก สว. 2 รอบในวันเลือกระดับประเทศ เพื่อยืนยันพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ละคนว่าใครมีการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้าง ถือเป็นการใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันการกระทำของ “ขบวนการฮั้ว สว.” 
 

แหล่งข่าวระบุอีกว่า ขณะนี้ ดีเอสไอได้จัดทำข้อมูล แบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือก สว.ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว มีทั้งที่เป็นพยาน และผู้ร่วมกระทำความผิด โดยแบ่งเป็น ”สีต่างๆ “ กระจายไปทุกจังหวัด เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกสอบปากคำ และนำภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงเอกสารการเลือก และโพยที่ยึดได้ มา ”match“ หรือจับคู่กัน เพื่อยืนยันพฤติการณ์ของแต่ละคน 

สำหรับขบวนการนี้มีเครือข่ายทั้งหมด 20,103 คน ได้รับเลือกเป็นตัวแทนระดับอำเภอ 6,402 คน ขึ้นเป็นตัวแทนระดับจังหวัด 959 คน ได้โหวตรอบสุดท้าย 433 คน และได้เป็น สว.ตัวจริง กับ สว.สำรอง 140 คน 

ดีเอสไอบุก กกต. ดึงภาพวงจรปิดวันเลือกสว.-หลักฐานมัดล็อตแรก 30 คน ดีเอสไอบุก กกต. ดึงภาพวงจรปิดวันเลือกสว.-หลักฐานมัดล็อตแรก 30 คน

โดยจากพีระมิด และข้อมูลของดีเอสไอ จะเห็นว่ามีการแบ่งสีเอาไว้ชัดเจน เมื่อนำไปเทียบกับรายชื่อที่เป็นเอกสารผู้สมัครรับเลือก สว.ทั้งหมด ทุกกลุ่มทั่วประเทศ ทาง ดีเอสไอ จะดึงรายชื่อผู้สมัคร และผู้เข้ารอบทุกรอบ ทุกกลุ่มอาชีพ จากทุกอำเภอ ทุกจังหวัด มาตรวจสอบเปรียบเทียบ และแต้มสีตามกลุ่มเอาไว้ ว่าใครอยู่กลุ่มไหน หลังจากนี้จะเรียกมาสอบสวนทีละกลุ่ม 

ขั้นตอนการทำงานของ ดีเอสไอ มีดังนี้ ประสานให้ผู้การตำรวจภูธจังหวัด สั่งการให้ผู้กำกับ (หัวหน้าโรงพัก) ในแต่ละอำเภอที่รับผิดชอบ เรียกสอบบุคคลเป้าหมาย โดยเปิดโอกาสให้เป็นพยานเพื่อให้ข้อเท็จจริง พร้อมเรียกดูรายการรับจ่ายบัญชีธนาคารทุกบัญชีระหว่างวันที่ 15 พค. - 30 มิย. 2567
 

พร้อมกันนี้จะไล่สอบ เริ่มจากชั้นฐาน ต่อด้วยชั้นล่าง ชั้นกลาง และระดับบนสุด ตามพีระมิด โดยเงื่อนไขของการ “กันเป็นพยาน” คือ บุคคลที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนหาเส้นเงิน และให้หลักฐานมัดตัวผู้กระทำความผิดทั้งในระดับเดียวกันและสูงกว่า ที่สำคัญต้องให้ข้อมูลขั้นตอน ขบวนการชักชวน ว่าจ้างให้กระทำผิด การให้โพยฮั้ว การนัดประชุม วางแผน การจ่ายเงิน และชื่อผู้กระทำผิดในกลุ่ม

แหล่งข่าวระบุอีกว่า หลังจากมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน โดยเป็นทีมทำงานร่วมกันระหว่างดีเอสไอ กับ กกต. ปรากฏว่าทาง กกต.ได้เห็นพยานหลักฐานของดีเอสไอว่ามีความชัดเจนเกี่ยวกับ “ขบวนการฮั้ว สว.” โดยล่าสุดมีการส่งสัญญาณจาก ดีเอสไอ ไปยัง กกต.ว่า น่าจะมีหลักฐานชัดเจนส่งให้ กกต.เพื่อนำไปวินิจฉัย และชี้มูลความผิดเบื้องต้น เพื่อส่งศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.ล็อตแรก ประมาณ 30 คน ภายในเดือน เม.ย.หรือ พ.ค.ที่จะถึงนี้