รู้จัก 'ราชาหวยอินเดีย' คดีฉ้อโกงท่วมหัว แต่ติดท็อปบริจาคเงินพรรคการเมือง

รู้จัก 'ราชาหวยอินเดีย' คดีฉ้อโกงท่วมหัว แต่ติดท็อปบริจาคเงินพรรคการเมือง

รู้จัก “ซานติเอโก มาร์ติน” ราชาหวยอินเดีย เฉิดฉายเป็นผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองอันดับต้น ๆ ของอินเดีย ทว่าเขามีคดีฉ้อโกงติดตัวหลายสิบ และศาลยังไม่ตัดสินโทษแม้แต่คดีเดียว เรียกได้ว่า "คดีเป็นสิบ" ก็ยังฉุด "นักธุรกิจหวย" หนึ่งในพันธมิตรทางการเมืองอินเดีย "ไม่ลง"

KEY

POINTS

  • บริษัทฟิวเจอร์เกมมิงและโฮเทลเซอร์วิสของ “ซานติเอโก มาร์ติน” ราชาหวยอินเดีย ได้ซื้อพันธบัตรเลือกตั้ง (electoral bonds) 13,680 ล้านรูปี ในระหว่างปี 2562-2567
  • แม้ว่าศาลพบการซื้อพันธบัตรการเลือกตั้งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าการบริจาคเหล่านั้นผิดกฎหมาย
  • มาร์ตินและบริษัทในเครือเผชิญกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฉ้อโกงลอตเตอรี่ 32 คดี ซึ่งมีทั้งการฉ้อโกงโดยการไม่จ่ายเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลในรัฐสิกขิมมากกว่า 45,000 ล้านรูปี
  • มาร์ตินมีพันธมิตรในแวดวงการเมืองมากมาย เขาจึงรู้ดีว่าทิศทางทางการเมืองเป็นอย่างไร และได้วางแผนเคลื่อนไหวไปตามกระแสนั้น

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “ราชาหวย” ของอินเดีย ผู้ที่ถูกเจ้าหน้ารัฐกล่าวหาว่าฉ้อโกงและฟอกเงิน เฉิดฉายเป็นผู้บริจาคทางการเมืองอันดับต้น ๆ ของอินเดีย

ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (14 มี.ค.) ระบุว่า บริษัทฟิวเจอร์เกมมิงและโฮเทลเซอร์วิสของ “ซานติเอโก มาร์ติน” ราชาหวยอินเดีย ได้ซื้อพันธบัตรเลือกตั้ง (electoral bonds) 13,680 ล้านรูปี (ราว 6,000 ล้านบาท) ในระหว่างปี 2562-2567 ซึ่งการซื้อพันธบัตรดังกล่าวเป็นการบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองโดยไม่เปิดเผยชื่อ และบริจาคได้ไม่จำกัด

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งตามคำสั่งศาลฎีกาอินเดีย แสดงให้เห็นว่า พรรคภารตียชนตา (BJP) ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เป็นผู้ได้รับเงินบริจาคโดยรวมมากที่สุด แต่ไม่ระบุรายละเอียดว่าผู้บริจาคคนใดมอบให้พรรคการเมืองใด และแม้ว่าศาลพบการซื้อพันธบัตรการเลือกตั้งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าการบริจาคเหล่านั้นผิดกฎหมาย

ข้อมูลดังกล่าวจึงดึงความสนใจไปที่มาร์ติน ชายผู้โชกโชนในวงการหวยวัย 59 ปี และผู้สร้างอาณาจักรลอตเตอรี่ได้จากการขายหวยในวัยหนุ่ม

ขณะที่บริษัทฟิวเจอร์เกมมิงยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการบริจาคเงินทางการเมือง

 

ราชาหวยโกงหวย

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มาร์ติน ชายที่มีบุคลิกกระฉับกระเฉง พูดจาน่าฟัง มีพันธมิตรในแวดวงการเมืองมากมาย และได้ทุ่มเงิน พร้อมมอบของขวัญราคาแพงให้กับบรรดานักการเมือง ขณะที่บริษัทของเขาก็เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทที่เติบโตต่อเนื่องของเขาก็ได้ถูกเจ้าหน้าที่ด้านภาษี ตำรวจ และหน่วยสืบสวน ตรวจค้นสถานประกอบการ และยึดทรัพย์สินมากมายที่เกี่ยวข้องกับคดีที่มาร์ตินถูกฟ้องร้อง

หน่วยงานดังกล่าว ระบุ พวกเขามีความผิดฐานโกงลอตเตอรี่ของรัฐ โดยการไม่ยอมนำส่งรายได้จากการขายสลาก และละเมิดกฎหมายสลากกินแบ่งด้วยการเก็บหวยไว้ และเรียกร้องเงินรางวัลจากหวยที่ขายไม่ออก รวมถึงจัดการข้อมูลอย่างผิดกฎหมาย

แต่มาร์ตินและบริษัทของเขาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยกลุ่มบริษัทมาร์ติน กรุ๊ป เผยเมื่อเดือน ต.ค. 2566 ว่า บริษัทและธุรกิจในเครือปฏิบัติตามกฎหมาย 

สำนักข่าว Deccan Herald ระบุว่า แม้มาร์ตินถูกดำเนินคดีจากหน่วยงานด้านภาษีและหน่วยงานปราบปราบต่างๆ แต่เขาเคยได้รางวัล "ผู้เสียภาษีเงินได้สูงสุด" จากกรมสรรพากร

จากชนชั้นแรงงานสู่ชนชั้นสูง

จากข้อมูลของมูลนิธิมาร์ติน ระบุว่า หลังจากมาร์ตินเป็นแรงงานหนุ่มในเมียนมาเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เขาก็กลับไปยังอินเดียในช่วงปลายยุค 1980 และเริ่มทำธุรกิจในโคอิมบะทอร์ เมืองทางตอนใต้ของรัฐทมิฬนาฑู

มาร์ตินเริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมลอตเตอรี่ตั้งแต่อายุ 13 ปี เขาได้สร้างเครือข่ายการตลาดขนาดใหญ่ให้กับผู้ซื้อและผู้ขายหวยในอินเดีย และขยายธุรกิจขายหวยไปยังรัฐต่าง ๆ รวมถึงเพื่อนบ้านอย่างภูฏานและเนปาล ซึ่งเป็นประเทศที่เขาได้ผูกขาดการจำหน่ายหวยเรียบร้อย

เว็บไซต์อินเดียทูเดย์ ระบุว่า มาร์ติน ลอตเตอรี่ ทิกเก็ตส์ บริษัทขายหวยของเขาเติบโตเฉลี่ย 109% ต่อปี

นอกจากลอตเตอรี่แล้วมาร์ตินได้ขยายธุรกิจไปทำอย่างอื่นด้วย เช่น อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจด้านสุขภาพและธุรกิจสื่อ ทั้งยังขยายธุรกิจเหล่านั้นไปต่างประเทศ เช่น เมียนมา

มาร์ตินยังได้สร้างภาพยนตร์มูลค่า 200 ล้านรูปี ซึ่งเขียนโดยมุขมนตรีของรัฐทมิฬนาฑู และอ้างอิงมาจากนักเขียนชาวรัสเซียเจ้าของนวนิยาย “Mother” และภาพยนตร์ของเขาได้ออกฉายในปี 2554 แต่ในปีเดียวกันนั้น พรรครัฐบาลจากรัฐทมิฬนาฑูแพ้การเลือกตั้ง และโชคชะตามาร์ตินก็ผลิกผัน

มาร์ตินและบริษัทในเครือเผชิญกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฉ้อโกงลอตเตอรี่ 32 คดี ซึ่งรวมทั้งการฉ้อโกงโดยการไม่จ่ายเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลในรัฐสิกขิมมากกว่า 45,000 ล้านรูปี

มาร์ตินเคยจำคุกร่วมกับนักการเมืองอีกหลายคนเป็นเวลา 8 เดือน เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องใน 14 คดี ซึ่งมีทั้งข้อหายึดที่ดิน ฉ้อโกง และขายลอตเตอรี่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม คดีของมาร์ตินยังไม่ตัดสินโทษ ซึ่งบางคดียังคงอยู่ในการพิจารณาของศาล และแม้เคยจำคุกก็ได้รับประกันตัว

นอกจากนี้ Deccan Herald ระบุว่า ด้วยมาร์ตินมีพันธมิตรในแวดวงการเมืองมากมาย เขาจึงรู้ดีว่าทิศทางทางการเมืองเป็นอย่างไร และได้วางแผนเคลื่อนไหวไปตามกระแสนั้น โดยในช่วงที่พรรค ​BJP จ่อคว้าจัยในศึกเลือกตั้งปี 2557 ลีมา โรส ภรรยาของมาร์ติน ได้ปรากฏตัวบนเวทีหาเสียงกับโมดี ซึ่งในขณะนั้นเป็นแคนดิเดตของพรรค BJP 

ต่อมาในปี 2558 ชาลส์ ลูกชายคนโตของมาร์ตินก็เข้าร่วมพรรคของนายกฯโมดี ขณะที่ตัวเขาเองนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรค Dravida Munnetra Kazhagam พรรคการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพลในรัฐทมิฬนาฑูอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

อ้างอิง: ReutersDeccan Herald, INDIA TODAY