S&P เพิ่มอันดับเครดิตตุรกีเป็น B+ ขานรับการปรับสมดุลด้านเศรษฐกิจ

S&P เพิ่มอันดับเครดิตตุรกีเป็น B+ ขานรับการปรับสมดุลด้านเศรษฐกิจ

S&P เพิ่มอันดับเครดิตตุรกีเป็น B+ ขานรับการปรับสมดุลด้านเศรษฐกิจ หลังตุรกี ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการค้าทั้งหมดกับอิสราเอล จนกว่าอิสราเอลจะปล่อยให้สิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าสู่กาซาได้อย่างสะดวก

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของตุรกีเมื่อวันศุกร์ (3 พ.ค.) เป็น "B+" จาก "B" โดยระบุว่าการประสานนโยบายด้านการเงิน การคลัง และรายได้นั้นได้รับการปรับปรุงดีขึ้น ท่ามกลางการปรับสมดุลด้านเศรษฐกิจกับต่างประเทศ

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากธนาคารกลางตุรกีคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 50%

ธนาคารกลางตุรกี ซึ่งประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5.00% ในเดือนมี.ค.ระบุเมื่อวันศุกร์ (3 พ.ค.) ว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ โดยธนาคารกลางได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 36.50% นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว

S&P ระบุว่า บริษัทอาจพิจารณาเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของตุรกี หากผู้กำหนดนโยบายดำเนินการเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ, ฟื้นฟูความเชื่อมั่นในค่าเงินลีรา, ลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และลดการใช้สกุลเงินดอลลาร์ภายในประเทศ

"เราไม่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในตุรกีจะลดลงเหลือเลขหลักเดียวจนถึงปี 2571" S&P ระบุในแถลงการณ์

ข้อมูลอย่างเป็นทางการที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อรายปีจากราคาผู้บริโภคของตุรกีเพิ่มขึ้นเป็น 69.8% ในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าระดับคาดการณ์เล็กน้อย แต่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2565 เนื่องจากราคาด้านการศึกษา ร้านอาหาร และโรงแรมพุ่งขึ้นอย่างมาก

การเพิ่มอันดับตุรกี มีขึ้นหลังจากตุรกีประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการค้าทั้งหมดกับอิสราเอลจนกว่าอิสราเอลจะปล่อยให้สิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าสู่กาซาได้อย่างสะดวกและไม่ถูกขัดขวาง

กระทรวงพาณิชย์ตุรกีประกาศว่า ตุรกีได้ยุติการค้าขายทั้งหมด ทุกชนิดและทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าและส่งออกกับอิสราเอลแล้ว จากเหตุผลเรื่องปฏิบัติการสู้รบในกาซา พร้อมประกาศด้วยว่ามาตรการระงับการนำเข้าส่งออกสินค้าจากอิสราเอลจะมีผลบังคับใช้จนกว่าอิสราเอลจะยอมปล่อยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซาโดยสะดวก เพียงพอและไม่มีการขัดขวาง

ด้านนายอิสราเอล แค็ทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลแถลงตอบโต้และกล่าวหาประธานาธิบดีเรเจ็บ ทายยิบ แอร์โดอัน ของตุรกีว่าทำตัวเป็นเผด็จการ และละเมิดข้อตกลงทางการค้ากับอิสราเอล พร้อมกันนี้ แค็ทซ์ มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาโดยทันที โดยให้รีบติดต่อและนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆทดแทนสินค้าจากตุรกี รวมทั้งให้จัดหาสินค้าที่ผลิตภายในประเทศเพื่อป้องกันการขาดแคลนสินค้าที่จำเป็น ทั้งนี้มูลค่าการค้าระหว่างอิสราเอลและตุรกีปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์

ตุรกีเผยว่า มาตรการตอบโต้อิสราเอลครั้งนี้ถือเป็นการตอบโต้ระยะที่สอง หลังจากเดือนที่แล้วตุรกีได้สั่งจำกัดการส่งออกสินค้าจำนวน 54 ประเภทไปยังอิสราเอล รวมทั้งอลูมิเนียม, เหล็ก, ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและปุ๋ยเคมี ด้านอิสราเอลตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษี