ล่าสุดอัปเดต "ตัดคะแนนใบขับขี่" สั่งพักใบขับขี่ ตอนไหนอย่างไร เช็กรายละเอียดที่นี่

ล่าสุดอัปเดต "ตัดคะแนนใบขับขี่" สั่งพักใบขับขี่ ตอนไหนอย่างไร เช็กรายละเอียดที่นี่

แจ้งความคืบหน้า อัปเดต "ตัดคะแนนใบขับขี่" ตำรวจสั่งพักใบขับขี่ ตอนไหนอย่างไร เช็กรายละเอียดที่นี่ ผู้อำนวยการ ศจร. ชี้แจงแล้ว

ตำรวจแจงเริ่มใช้มาตรการตัดคะแนนใบขับขี่การขับรถ เดือนมกราคม 2566 เพื่อสร้างวินัยการขับขี่ ผู้อำนวยการ ศจร. แจงรายละเอียด การควบคุมวินัยจราจร ตามกฎหมายและระเบียบฉบับใหม่ ทั้งระบบคะแนนความประพฤติ การสั่งพักใบขับขี่ ที่มีผลแล้วเมื่อต้นปีนี้แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

วันที่ 19 กรกฎาคม 2565  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ได้ชี้แจงหลักเกณฑ์ ระเบียบ วิธีการปฏิบัติ การบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ และการสั่งพักใช้ใบอนุญาติขับรถ ว่า การแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ก็เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุ

หลักการสำคัญ ดังนี้ 

1. การเพิ่มโทษของผู้ที่กระทำผิดซ้ำข้อหา เมาแล้วขับ ภายใน 2 ปีนับแต่วันกระทำผิดครั้งแรก ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับตั้งแต่ 50,000 – 100,000 บาท

2. กำหนดอำนาจในการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและสารเสพติดในร่างกายของผู้ขับขี่ที่หมดสติ ซึ่งไม่อาจให้ความยินยอมได้ 

3. เพิ่มอัตราโทษปรับขั้นสูงในกฎหมายจราจร จากเดิมโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท แก้ไขเพิ่มเป็นปรับสูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท 

4.การกำหนดให้ใช้ “ที่นั่งนิรภัย” หรือมีวิธีป้องกันอันตรายสำหรับเด็ก อายุไม่เกิน 6 ปี ขณะโดยสารรถยนต์ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างจัดทำประกาศรูปแบบ “ที่นั่งนิรภัย” รวมถึงเปิดช่องทางผ่อนคลาย สำหรับประชาชนที่ไม่สามารถจัดหาที่นั่งนิรภัยเด็กไว้โดยให้ปฏิบัติตามวิธีการป้องกันอันตราย ซึ่งจะกำหนดรูปแบบที่ประชาชนสามารถปฏิบัติได้ง่าย ไม่เพิ่มภาระค่าใช้จ่าย ให้ทันเวลาที่กฎหมายฉบับใหม่นี้จะมีผลบังคับในวันที่ 5 กันยายนนี้

มาตรการทางปกครอง

นอกจากนี้ ตำรวจยังได้ออกมาตรการเพื่อสร้างจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัย ด้วยการใช้มาตรการทางปกครอง 2 เรื่อง ได้แก่ 1. ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ และ 2. การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่กรณีกระทำผิดกฎจราจร แล้วส่งผลให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรง

ด้าน พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. ซึ่งเป็นคณะทำงานเทคโนโลยีบังคับใช้กฎหมายจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร อธิบายเพิ่มเติมว่า มาตรการเพื่อสร้างจิตสํานึกในการขับขี่ปลอดภัย ด้วยการใช้มาตรการทางปกครอง 2 เรื่อง ได้แก่ 1.ระบบตัดคะแนนความประพฤติ ในการขับรถ และ 2.การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่กรณีกระทำผิดกฎจราจร แล้วส่งผลให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรง มีรายละเอียด ดังนี้ 

1. ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565 ซึ่งกำหนดเรื่องระบบตัดคะแนน โดยจะใช้บังคับในวันที่ 9 มกราคม 2566

ระบบนี้กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่มีคะแนนคนละ 12 คะแนน หากทำผิดกฎจราจรจะถูกตัดคะแนนตามจำนวนที่กำหนด โดยข้อหาความผิดมีตั้งแต่ 1 จนถึง 4 คะแนน

ข้อหาที่ตัด 1 คะแนน 

  • ขับรถเร็ว
  • ฝ่าฝืนเครื่องหมายทางม้าลาย
  • ไม่สวมหมวกนิรภัย
  • ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย
  • ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ

ข้อหาตัด 2 คะแนน

  • ฝ่าไฟแดง ย้อนศร

ข้อหาตัด 3 คะแนน

  • แข่งรถในทาง

ข้อหาตัด 4 คะแนน

  • ขับรถในขณะเมาสุรา

หากคะแนนถูกตัดจนเหลือศูนย์คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ เป็นระยะเวลา 90 วัน

สำหรับคะแนนที่ถูกตัด จะมีการคืนคะแนนเมื่อครบกำหนด 1 ปี สำหรับการทำผิดครั้งนั้นๆ หรือกรณีที่มีคะแนนเหลือน้อย อาจขอเข้ารับการอบรมความรู้เกี่ยวกับการขับรถและวินัยจราจร จาก กรมการขนส่งทางบก เพื่อรับคืนคะแนนตามที่หลักสูตรกำหนดก็ได้

 

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบคะแนนได้จาก เว็บไซต์ PTM E-ticket และ แอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยก่อนเริ่มใช้มาตรการตัด คะแนน ตร. และ กรมการขนส่งทางบก จะแถลงข่าวและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง ต่อไป

2.ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่กรณีผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมายจราจร และการกระทำนั้นมีผลหรือมีลักษณะร้ายแรง ได้แก่

1.มีเหตุก่อให้เกิด น่าจะก่อให้เกิด อันตรายร้ายแรงสาธารณะ
2.มีลักษณะเป็นภัยแก่ประชาชนอย่างร้ายแรง
3.มีพฤติการณ์หลบหนีเมื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล/ทรัพย์สิน

ผบช.น. ภ.1-9 และ บช.ก. เป็นผู้มีอำนาจออก คำสั่งพักใช้ใบขับขี่ผู้นั้น ครั้งละไม่เกิน 90 วัน โดยการสั่งพักใช้ตามข้อนี้ แยกต่างหากจากระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ ระเบียบฉบับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. 65 เป็นต้นมา การขับรถในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามมาตรา 156 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

พล.ต.ต.เอกราช กล่าวว่า นอกจากระเบียบทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ยังมีระเบียบที่กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานของ ตร. และระเบียบเรื่อง การประสานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ ระหว่าง ตร. และกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้การใช้มาตรการตัดคะแนนเป็นไป ด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ  ตร.มีความห่วงใยให้ประชาชนขับขี่และใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย จึงขอให้ร่วมกันปฏิบัติ ตามกฎจราจร เพื่อสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย สร้างวินัยจราจร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนน อย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืน

ดุลยพินิจของตำรวจ

ในการยึดใบอนุญาตขับขี่ หรือระงับการใช้รถ จะมีประเด็นในเรื่องเจ้าพนักงานจราจร คือ ถ้าพบเห็นผู้ขับขี่ผู้ใด้ มีพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นทางร่ายกาย ทั้งการอ่อนเพลีย ง่วงนอน ลมบ้าหมู ฯลฯ หากพบเห็นแล้ว เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจที่จะยึดใบอนุญาตขับขี่เพื่อไม่ให้เขาขับรถต่อไป หากร่างกายสมบูรณ์แล้ว เมื่อพิจารณาดูแล้วสามารถขับรถต่อไปได้ก็จะคืนใบอนุญาตขับขี่ให้ 

ส่วนทางด้านจิตใจ เช่น อาจมีเรื่องเครียดทะเลาะกับแฟน มีการขับรถปาดไป ปาดมา ซึ่งเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่าอาจเกิดอันตรายต่อผู้อื่นก็สามารถขอยึดใบขับขี่ เพื่อไม่ให้ขับรถ หากจุดนั้นเขาไม่มีใบขับขี่ก็มีอำนาจระงับการใช้รถได้ เพื่อไม่ให้เขาขับรถไปเป็นอันตรายต่อผู้อื่น แต่หากเหตุการณ์หรือพฤติกรรมต่างๆ จบไปแล้วทางเจ้าพนักงานจราจรสามารถใช้ดุลยพินิจว่าสามารถขับรถต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งจะมีกระบวนการต่อมาจากนั้น เช่น หากสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ก็จะส่งไปโรงพยาบาล รวมถึงแจ้งญาติหรือมีกระบวนการอื่นใดที่สามารถปฏิบัติต่อผู้ขับขี่ได้อย่างเหมาะสมและไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อบุคคลผู้อื่น