ปิกอัพไม่เคยตาย จับตา พลังงานทางเลือก 'EV-PHEV' จ่อเปิดตัวรับแผนส่งเสริม
จับตาความเคลื่อนไหว ปิกอัพ อีวี ปิกอัพ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ผู้ผลิตรายใหญ่เริ่มขยับตัว หลังจากที่ผ่านมากกระแสรถยนต์พลังงนไฟฟ้าหรือ อีวี กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มรถเก๋ง หรือว่า เอสยูวี เป็นหลัก
กระแสรถยนต์พลังงงานไฟฟ้า หรือ อีวี เพิ่มความเข้มช้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปีนี้่ เมื่อมีผู้เล่นเข้าสู่ตลาดมากขึ้น และที่สำคัญคือ มีมาตรการส่งเสริมการใช้งานอีวีระยะเร่งด่วนของภาครัฐ ทำให้เป็นตัวเร่งให้ผู้ผลิตส่งรถเข้ามาเจาะตลาด และเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ ทำให้คาดว่าปีนี้ยอดจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี กลุ่มรถยนต์ส่วนบุคคล จะทะลุหลักหมื่นคัน หลังจากช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) มียอดรวมแล้ว 8,342 คัน
อย่างไรก็ตาม อีวี ที่ทำตลาดในปัจจุบัน เป็นกลุ่มรถยนต์นั่งหรือเอสยูวีเป็นหลัก มีทั้งกลุ่มพรีเมียม และตลาดแมส (mass) และในตลาดแมสเป็นกลุ่ม บี-เซ็กเมนต์ เป็นส่วนใหญ่
ซึ่งก็อาจจะล้อไปกับภาพรวมของตลาดรถยนต์ทุกประเภทในขณะนี้ที่รถยนต์นั่งนั้น กลุ่มรถขนาดเล็กได้รับความนิยมสูงสุด
แต่หากมองภาพรวมทั้งหมด จะพบว่าตลาดที่ครองความนิยมสูงสุดจริงๆ และต่อเนื่องมายาวนานคือ ปิกอัพ ที่เป็นโปรดักท์แชมเปี้ยนตัวแรกของไทย และประสบความสำเร็จอย่างมากในเวทีโลกจากการเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดรวม
รถปิกอัพผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายครั้ง และทุกครั้งมักจะมีคำถามอยู่เสมอว่า ปิกอัพ จะอยู่รอดหรือไม่ เช่น เมื่อครั้งเกิด "โครงการอีโค คาร์" ที่หลายคนเชื่อว่าราคาที่จูงใจจากมาตรการส่งเสริมรัฐ จะทำให้คนที่เคยใช้รถปิกอัพเป็นรถใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ได้บรรทุกสิ่งของจะเปลี่ยนมาใช้อีโค คาร์ แทน หรือช่วงที่ไทยมีโครงการที่หลายคนไม่คาดคิดและคัดค้าน คือ “โครงการรถคันแรก” ซึ่งรถยนต์นั่งได้สิทธ์ส่วนลดสูงสุด 1 แสนบาท ขณะที่ปิกอัพได้ไม่กี่หมื่นบาท หลายคนก็มองว่าจะกระทบปิกอัพเช่นกัน
เรื่อยมาถึงยุคปัจจุบัน ก็มีคำถามว่า อีวี จะเบียดแทรกปิกอัพอีกหรือไม่
คงเร็วเกินไปที่จะตอบคำถาม เพราะอีวี แม้จะร้อนแรง แต่ปัจจุบันสัดส่วนก็ยังน้อยมาก อาจจะยังไม่มีผลกระทบกับปิกอัพมากนักในช่วงเวลาเร็วๆ นี้
และก็ดูเหมือนว่า ปิกอัพ จะไม่รอคำตอบเช่นกันว่า อีวี จะส่งผลกระทบหรือไม่ เมื่อวันดีคืนดีผู้นำตลาดรถยนต์อย่างโตโยต้า ออกมาเปิดเผยแผนธุรกิจว่า จะเปิดตัว ปิกอัพ อีวี 1 ปี หลังจากนี้ พร้อมกับเผยโฉมรถต้นแบบ “รีโว่ บีอีวี” (REVO BEV) ในงานฉลองการทำธุรกิจครบ 60 ปี ในประเทศไทย โดย “อากิโอะ โตโยดะ” ประธาน โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น หรือ ทีเอ็มซี ประเทศญี่ปุ่น
แม้จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดด้านเทคนิคมากนัก แต่ก็ชัดเจนว่า มันจะใช้แพลทฟอร์มร่วมกับ ปิกอัพ ไฮลักซ์ รีโว่ สแตนดาร์ด แค็บ หรือ ปิกอัพตอนเดียว แต่ก็ปรับเปลี่ยนรายละเอียดหลายอย่างให้เหมาะสม เช่น ช่วงล่างด้านหลังที่เรียกว่า Rigid Rear Axle เพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น จากแบตเตอรี และมอเตอร์ไฟฟ้าที่วางไว้บนเพลาหลัง ซึ่งจะทำให้ดูเหมือนว่าช่วงล่างจะต่ำกว่าปกติ แต่วิศวกรโตโยต้า ยืนยันว่ามันไม่มีปัญหากับเส้นทางใช้งาน
โตโยต้า ยืนยันอีกว่า การพัฒนา ปิกอัพ บีอีวี ช่วงแรกจะมีเฉพาะสแตนดาร์ด แค็บ เท่านั้น ยังไม่มีตัวถังอื่น ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทแค็บ หรือ ดับเบิลแค็บ ก็ตาม
เพราะเห็นว่าช่วงเริ่มต้นของ ปิกอัพ อีวี จะเหมาะกับตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มากกว่า เพราะมีระยะทางการใช้งานต่อวันมากกว่ารถที่ใช้งานส่วนตัว ทำให้ได้ประโยชน์จากค่าพลังงานที่ถูกลง และยังสามารถวางแผนการชาร์จได้ง่ายกว่า เพราะมีต้นทางและปลายทางที่ชัดเจน
ทั้งนี้หากโตโยต้าเริ่มทำตลาดในปีหน้า ก็จะได้สิทธิพิเศษ ภาษีสรรพสามิต 0% ตามมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ ที่มีแผนสนับสนุนพลังงานทางเลือกของปิกอัพเช่นกัน แต่จำกัดเฉพาะรถที่ผลิตในประเทศ (CKD) และราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท เท่านั้น โดยในส่วนอีวีจะไม่เสียภาษีถึงสิ้นปี 2568 จากนั้นจะเก็บในอัตรา 2%
ส่วนพลังงานอื่นในปิกอัพที่รัฐส่งเสริมก็มีทั้งปลั๊ก-อิน ไฮบริด และเซลล์พลังงาน หรือ Fuel Cell
สำหรับตลาดปิกอัพ อีวี ก่อนหน้านี้่ อาจเห็นความเคลื่อนไหวในเชิงข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นเอ็มจี หรือ เกรท วอลล์ มอเตอร์ แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ แต่ไม่แน่ว่าการเคลื่อนไหวของโตโยต้า จะเป็นตัวเร่งให้ผู้ผลิตอื่นๆ ขยับตัวตาม
อีกค่ายที่มอเรื่อง อีวีเช่นกัน ก็คือ ฟอร์ด ซึ่ง ฟอร์ด มอเตอร์ โค สหรัฐอเมริกา ระบุว่าภายในปี 2569 จะจำหน่าย อีวี ให้ได้ 40%
ด้านผู้บริหารฟอร์ดประเทศไทยยืนยันว่าในเชิงเทคโนโลยี ฟอร์ด พร้อมแล้ว เพราะปัจจุบันฟอร์ดมีปิกอัพ อีวี จำหน่ายแล้ว คือ “ฟอร์ด ไลท์นิ่ง” (Ford Lightning)
แต่สำหรับประเทศไทยในภาพรวมอาจยังไม่ถึงเวลา คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปี
แต่สิ่งที่ฟอร์ดมองในช่วงนี้ ก็เป็นพลังงานทางเลือกเช่นกันนั่นคือ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ซึ่งขณะนี้รัฐมีมาตรการส่งเสริมสำหรับรถปิกอัพ 4 ประตู ซึ่งอาจจะเป็นตลาดที่เหมาะกับการใช้งานส่วนบุคคลมากขึ้น
และนั่นจะเป็นทางเลือกให้กับตลาดปิกอัพที่มีความหลากหลายมากขึ้นหลังจากนี้