ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์ ม.ค.โต 24.28% ด้าน EV ป้ายแดงโต 1,020%
ส.อ.ท. รายงานยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือน ม.ค.2566 เพิ่มขึ้น 24.28% อยู่ที่ 86,786 คัน ส่วนยอดรถอีวีจดทะเบียนใหม่โต 1,020% อยู่ที่ 2,945 คัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่ายอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนม.ค. 2566 เพิ่มขึ้น 24.28% จากปีก่อนหน้า จากการได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เพิ่มขึ้น จึงผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นในหลายตลาด เช่น ตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปและอเมริกาเหนือ
ขณะที่จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนม.ค. 2566 มีทั้งสิ้น 157,844 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน 4.02% โดยแบ่งเป็นผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 32.57% และผลิตขายในประเทศเพิ่มขึ้น 0.69% รวมทั้งผลิตรถกระบะขายในประเทศเพิ่มขึ้น 1.15%
“เดือนม.ค. เริ่มกลับบมาผลิตรถยนต์ได้เพิ่มขึ้นเพราะเริ่มได้รับชิปดีต่อเนื่องมานับตั้งแต่ส.ค.65 แต่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะรับชิปครบจำนวนตามออเดอร์ได้เมื่อใด ทำให้ไม่สามารถกำหนดวันส่งมอบรถที่แน่นอนให้กับลูกค้าได้ โดยยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากม.ค.65 เพราะได้รับชิปเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับธ.ค.65 ยังคงลดลง เพราะยังมีปัญหาเรื่องของพื้นที่เรือบรรทุกรถยนต์ขาดแคลน ตั้งแต่พ.ย.65 ดังนั้นยังคงต้องติดตามสถานการณ์การส่งมอบชิป”
สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนม.ค.2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 65,579 คัน ลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 5.58% เนื่องจากผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงจากการขาดชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในรถยนต์บางรุ่น จึงผลิตรถยนต์บางรุ่นได้น้อยไม่พอส่งมอบให้ลูกค้า ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 159,257 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9.76%
ขณะที่ยอดจดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) รถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ในเดือนม.ค. มีทั้งสิ้น 2,945 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่า 1,019% รถประเภท HEV จดทะเบียนใหม่ 7,687 คัน เพิ่มขึ้น 76.51% จากปีก่อนหน้า และรถประเภท PHEV จดทะเบียนใหม่ 961 คัน เพิ่มขึ้น 33.10% จากปีก่อน รวมยอดรถยนต์ไฟฟ้า BEV จดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 31 ม.ค. 2566 อยู่ที่ 16,672 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 281.86%
"อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะถดถอยแต่จากการที่ได้รับชิปเพิ่มขึ้น จีนเปิดประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ทำให้ ส.อ.ท.เชื่อมั่นว่าการผลิตยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ปี 2566 โดยยอดการผลิตรถยนต์รวมอยู่ที่ 1,950,000 คัน เพิ่มขึ้น 3.53% จากปีก่อน แบ่งเป็นยอดผลิตเพื่อส่งออก 1,050,000 คัน และยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน อย่างไรก็ตาม ยังคงกังวลปัญหาเรื่องชิป และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังต้องติดตามใกล้ชิด
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงต้นทุนการผลิตต่างๆ ที่สูงขึ้นทั้งราคาอุปกรณ์ ค่าแรง รวมถึงค่าพลังงานที่สูง ว่า ผู้ผลิตหลายรายได้ทยอยปรับขึ้นราคาจำหน่ายรถยนต์บางรุ่นไปแล้ว โดยปีนี้ก็อาจจะมีการทยอยปรับเพิ่มแต่ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ทางการตลาดของแต่ละค่ายและทิศทางพลังงานที่เริ่มมีแนวโน้มจะลดลงอาจทำให้การปรับไม่มากนักหรือไม่ปรับแต่ใช้วิธีลดของแถมลง เป็นต้น