เปิดไฮไลท์ BMW ปี 66 'XM' เอสยูวี ตัวแรง ตระกูล M ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นแรก นำทัพ
BMW ประเทศไทย เผยไฮไลท์หลัก รถยนต์ร่วมทัพรักษาแชมป์ พรีเมียม ปี 66 ทั้ง BMW, Mini และ BMW Motorad โดยมีเอสยูวี ฟูลไซส์ ตัวแรง ตระกูล M ที่หันมาใช้ขุมพลัง ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) เป็นครั้งแรก
BMW XM ออกแบบเน้นอารมณ์ปสปอร์ต พรีเมียม กระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ ไฟหน้า Adaptive LED ระบบปรับการทำงานไฟสูงช่วยเปิดและปิดไฟสูงโดยอัตโนมัติ
บริเวณด้านข้างมีแถบสีที่ชวนให้นึกถึงรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M1 นอกจากนี้การออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู XM ยังรวมเอาหลายคุณลักษณะที่ทำให้นึกถึงอดีต เช่น
- โลโก้บีเอ็มดับเบิลยูที่กระจกหลังหรือไฟท้ายทรงเรียว
- ล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 23 นิ้ว ลาย star spoke แบบสลับสี ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน
XM ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร
- กำลังสูงสุดที่ 360 กิโลวัตต์ / 489 แรงม้า ที่ 5,400 – 7,200 รอบต่อนาที
- แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 5,000 รอบต่อนาที
ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ได้พลังงานมาจากแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาด 29.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ติดตั้งอยู่ด้านใต้ท้องรถ
- กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ หรือ 197 แรงม้า
- แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร
เมื่อทำงานร่วมกัน ระบบ M HYBRID จะมสมรรถนะที่เร้าใจทีเดียว
- กำลังสูงสุด 480 กิโลวัตต์ หรือ 653 แรงม้า
- แรงบิดรวมสูงสุด 800 นิวตันเมตร
ด้านการใช้งานผู้ขับขี่สามารถเลือกกดปุ่ม M Hybrid ที่คอนโซลกลางเพื่อเข้าโหมดใดโหมดหนึ่งจากทั้งหมด 3 โหมด รวมถึงโหมดการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 100% โดยคุณสมบัติสำคัญของ สำหรับการขับขี่ที่ปลอดมลพิษด้วยความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยระยะทางขับเคลื่อ M Hybrid
- ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวสูงสุด 98 กิโลเมตร (NEDC)
- อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 4.3 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบขับเคลื่อน4 ล้อ M xDrive ระบบเฟืองท้าย M Sport ช่วยเสริมสมรรถนะของรถโดยกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง
ช่วงล่าง Adaptive M Suspension Professional พร้อมระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional เช่น
ฟังก์ชัน Stop&Go ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ คงระยะห่างจากรถคันหน้า ระบบช่วยเหลือให้รถอยู่ในเส้นทาง ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ระบบ Teleservices
ด้านความปลอดภัย เช่น ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ ระบบ Active Protection เพื่อช่วยให้สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีขึ้น และช่วยตรวจจับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขับขี่
ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้างและระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับคนเดินถนนที่อยู่ใกล้เคียงกับรถยนต์ได้อีกด้วย
ภายในตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ผ้าบุหลังคาให้อารมณ์เหมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึม ซึ่งเมื่อใช้งาน Ambient Light จะพบหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคา
คอนโซลด้านบนบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสําหรับเบาะนั่งตอนหน้า
จอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 ใหม่ล่าสุด
ระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ IconicSounds Electric และพิ่มความบันเทิงด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Diamond กำลังขับขนาด 1,475 วัตต์ และยังติดตั้งลำโพงพิเศษอีกสี่ตัวบริเวณหลังคา
นอกจากนั้น Connected Package Professional ทำให้ผู้ขับได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและข้อมูลการจราจรอัปเดตล่าสุด
BMW XM มีสีภายนอกให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 7 สี ได้แก่
- สีดำ Black Sapphire
- สีเขียว Cape York Green
- สีดำ Carbon Black
- สีเทา Dravit Grey
- สีฟ้า Marina Bay Blue
- สีขาว Mineral White
- สีแดง Toronto Red
และมีสีภายในกับหนัง BMW Individual ‘Merino’ ให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Deep Lagoon, สีขาว Silverstone, สีดำ Black และ สีส้ม Sakhir Orange มาพร้อมกับแถบตกแต่งด้านข้างรถทั้งหมด 2 ตัวเลือกคือสีทองและสีดำซึ่งพาดผ่านกรอบประตูและล้อรถ
BMW XM มีค่าตัว 14,899,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)