เกีย เสริมรุ่นย่อย Carnival LX เริ่มต้นต่ำ 2 ล้าน
เกีย คาร์นิวัล (Kia Carnival) เป็นผลิตภัณฑ์หลักของ เกีย ในตลาดประเทศไทย และได้รับการตอบรับที่ดี จากลูกค้าที่ต้องการความเอนกประสงค์ในการใช้งาน ล่าสุด เกีย เปิดเกมรุกด้วยการเพิ่มรุ่นย่อย เป็นรุ่นเริ่มต้น LX ที่มีราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท พร้อมเร่งขยายโชว์รูม-ศูนย์บริการ
บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเรือธงทำตลาดในไทยคือ เกีย คาร์นิวัล (Kia Carnival) ซึ่งปัจจุบันเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 เปิดตัวอย่างเป็นทางการและเริ่มส่งมอบตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564
มีจุดขายสำคัญคือ การดีไซน์ ที่ดูโฉบเฉี่ยว และ พรีเมียมมากขึ้น จากรุ่นก่อนหน้า และมีพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ที่กว้างขวาง ปรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ โดยตั้งแต่เปิดตัวสามารถส่งมอบรถได้เกือบ 3,000 คัน
ฬสนันท์ ภูนิธิพันธุ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด เปืดเผยว่า และเพื่อกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า บริษัทได้เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ Kia Carnival LX ซึ่งจะเป็นรุ่นเริ่มต้นใหม่ ที่ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท คือ 1,892,000 บาท
ทั้งนี้แต่เดิม เกีย คาร์นิวัล มีจำหน่าย 2 รุ่นย่อย คือ
- รุ่น EX ราคา 2,234,000 บาท
- รุ่น SXL ราคา 2,594,000 บาท
Carnival LX ปรับออปชั่น โดยเน้นออปชั่นที่ลูกค้ามีความต้องการเป็นหลัก เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย แต่ในด้านสมรรถนะต่างๆ ยังคงเหมือนเดิม
เครื่องยนต์สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร มาตรฐานยูโร 5 ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
โหมดการขับขี่มีให้เลือกประกอบด้วย Normal Mode, Sport Mode, Eco Mode, Smart Mode
อุปกรณ์มาตรฐานสำคัญๆ เช่น ไฟหน้า LED แบบ Multi Focus Reflector พร้อม Daytime Running Light ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แร็คหลังคา
ภายในห้องโดยสาร เบาะผ้าสไตล์ทูโทน สีน้ำตาล Saddle Brown ตัดขอบดำ รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 11 ที่นั่ง
เบาะแถวที่ 4 แบบ Pop-Up Sinking โดยสามารถพับเก็บได้ราบเรียบเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระ
จุดชาร์จ ยูเอสบี จำนวน 6 จุด บริเวณคอนโซลด้านหน้า ด้านข้างเบาะคู่หน้า และบริเวณเบาะนั่งแถวที่ 3
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความบันเทิง เช่น หน้าจอ Infotainment พร้อมจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger)
ด้านความปลอดภัย มีออปชั่นสำคัญๆ เช่น
- ถุงลม 7 ตำแหน่ง สำหรับเบาะนั่งคู่หน้า ด้านข้างเบาะคู่หน้า บริเวณหัวเข่าของผู้ขับขี่ ม่านถุงลมรอบคัน
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC)
- ระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BAS)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS)
- ระบบช่วยออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HAC)
- ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง
- กล้องมองหลัง (Rear-view Monitor)
- เบรกมือไฟฟ้าพร้อมด้วยระบบ Auto Brake Hold
- กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ
- ระบบรักษาความเร็วคงที่ (Cruise Control)
นอกจากการเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์แล้ว ปีนี้เกียยังมีแผนเร่งขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคมากยิ่งขึ้น รวมถึงเร่งปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของโชว์รูมและศูนย์บริการให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์แบรนด์และโลโก้ใหม่ของ เกีย ประเทศเกาหลีใต้ ภายใต้แนวคิด The Opposite United
ปัจจุบันเกียมีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ 18 แห่ง และมีแผนจะขยายเพิ่มเติมอีก 2 แห่งภายในปีนี้ ที่ เชียงใหม่ และ พิษณุโลก
นอกจากนี้ยังพิ่มช่องทางการต่อต่อสื่อสาร ‘Kia Connect’ ซึ่งเป็นระบบจองคิวนัดหมายรับบริการที่ศูนย์เกียทุกแห่ง ผ่าน Line Official Account : Kia Thailand เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการรับบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
- การเช็กระยะ
- การแจ้งซ่อมทั่วไป
- การขอเคลมประกันภัย หรือเคลมวารันตี
รวมถึงยังใช้เป็นช่องทางในการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของเกียอีกด้วย
ส่วนการเตรียมเข้าร่วมงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ เกีย จะจัดกิจกรรมการทดลองขับ และแคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าที่จองภายในงานและที่โชว์รูมเกียทุกสาขา ประกอบด้วย
- การประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี
- ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี