ปอร์เช่ คาเยนน์ ใหม่ เริ่ม 6.5 ล้าน ปรับโฉม-ขุมพลัง เพิ่มออปชั่น เพียบ

ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) ใหม่ มีจุดเด่นเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผล ระบบควบคุมแบบดิจิทัล ช่วงล่างใช้เทคโนโลยีล่าสุด 

Michael Schätzle รองประธานกรรมการ ผู้กำกับดูแลส่วนงาน Product Line Cayenne ระบุว่านี่เป็นการปรับโฉมรถยนต์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่

“ไฟหน้า High-definition HD Matrix LED ระบบฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง และนับเป็นครั้งแรกของ คาเยนน์ที่ติดตั้งหน้าจอ infotainment สำหรับผู้โดยสารตอนหน้าโดยเฉพาะ”

โดยแนวคิดประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้ขับขี่ Porsche Driver Experience ปอร์เช่ เปิดตัวครั้งแรกใน ไทคานน์ (Taycan) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) คันเก่ง รุ่นแรกของ ปอร์เช่
แนวคิดคือความสะดวกสบายสูงสุดของผู้ขับขี่ ง่ายต่อการเข้าถึง โดยเฉพาะฟังก์ชั่นที่ใช้งานเป็นประจำจะถูกติดตั้งไว้บนพวงมาลัย หรือตำแหน่งที่ใกล้เคียง

เช่น การเพิ่มฟังก์ชั่นควบคุมการทำงานของระบบช่วยเหลือการขับขี่ บนปุ่มควบคุมหลังพวงมาลัยฝั่งซ้ายมือ ย้ายตำแหน่งคันเเกียร์ไปยังแผงคอนโซลหน้า ช่วยเพิ่มพื้นที่บริเวณคอนโซลกลาง รองรับการเก็บสัมภาระต่างๆ ได้มากขึ้น

ส่วนรูปแบบพวงมาลัย ก็เติมความสปอร์ต ด้วยการดึงอารม์ของ 911 มาใช้

 เพิ่มขนาดและความหรูหราให้กับแผงควบคุมระบบปรับอากาศ เสริมความแม่นยำ ใช้งานง่ายด้วยการผสมผสานสวิทช์ระบบปรับอากาศแบบกลไก และปุ่มควบคุมระดับเสียงแบบสัมผัส โดยทั้งหมดเป็นการสร้างสมดุลย์ระหว่างระบบดิจิทัล และระบบอะนาล็อก
และถือเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ออกแบบภายในห้องโดยสาร คาเยนน์ ใหม่ ด้วยแผงหน้าปัดระบบดิจิทัล ขนาด 12.6 นิ้ว ที่โค้งมน แบบ free-standing พร้อมฟังก์ชั่นการแสดงผลหลากหลาย และลูกค้ายังเลือกติดตั้ง head-up display เพิ่มเติมได้ 

ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้ามีจอแสดงผลขนาด 10.9 นิ้ว เป็นครั้งแรกของคาเยนน์ โดยแสดงข้อมูลตัวรถ สามารถรับชมรายการความบันเทิงต่างๆ ด้วยระบบควบคุมที่แยกเป็นอิสระจากผู้ขับขี่ และหน้าจอยังเป็นแบบพิเศษที่ผู้ขับขี่มองไม่เห็นทำให้ไม่รบกวนสมาธิการขับขี่

ด้านรูปลักษณ์ ปอร์เช่ คาเยนน์ใหม่ ปรับการออกแบบตัวถังด้านหน้าใหม่ ซุ้มล้อขนาดใหญ่ขึ้น ฝากระโปรงหน้าใหม่ ไฟท้ายสามมิติ กันชนท้ายพร้อมพื้นที่ติดตั้งป้ายทะเบียนที่ดีไซน์ใหม่

ด้านสีตัวถัง ปอร์เช่เพิ่มเฉดสีให้เลือก 3 เฉดสี และยังมีชุดแต่งตัวถังน้ำหนักเบา lightweight sports packages ที่สามารถลดน้ำหนักได้ 33 กก. ให้เลือกสั่งได้ 

ล้ออัลลอยลายใหม่ที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 20, 21 และ 22 นิ้ว 

ไฟหน้า Matrix LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในคาเยนน์ทุกรุ่นย่อย แต่ลุกค้าสามารถเลือกไฟหน้า HD Matrix LED เป็นอุปกรณ์พิเศษได้

ไฟหน้าแอลอีดีแบบใหม่นี้ควบคุมการทำงานด้วย high-definition modules 2 ตำแหน่ง ช่วยในการมองเห็นรถยนต์คันอื่น ป้องกันแสงสะท้อนจากไฟสูงของรถยนต์ที่วิ่งสวนทางจากการทำงานของ LED พิกเซลที่แม่นยำ ส่งผลให้ไม่เกิดอาการตาพร่าต่อทั้งผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมทาง

โดยกล่องควบคุมสามารถปรับเปลี่ยนความสว่างได้มากกว่า 1,000 ระดับ 

คาเยนน์ยังมีระบบฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง ทำงานด้วยการใช้ข้อมูลที่ได้จากการประเมินสภาพอากาศล่วงหน้าผ่านข้อมูลดาวเทียม predictive navigation data เพื่อตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่ผ่านเข้ามาในห้องโดยสาร และสั่งการไปยังระบบหมุนเวียนอากาศแบบอัตโนมัติ 

และลูกค้ายังสามารถติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ เซนเซอร์ตรวจจับความหนาแน่นของฝุ่นละอองในอากาศ และส่งผ่านไปยังแผ่นกรองละเอียดตามความจำเป็น 

ระบบฟอกอากาศ ioniser กำจัดเชื้อโรค รวมทั้งมลภาวะที่ปนเปื้อนออกจากอากาศ ลดผลกระทบต่อผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้

ส่วนฟังก์ชั่นการขับขี่ มีให้เลือกใช้ไม่ว่าจะเป็น

• ระบบจำกัดความเร็วอัตโนมัติ active speed limiter
• ระบบควบคุมพวงมาลัย swerve assist
• ระบบช่วยเหลือขณะเข้าโค้ง cornering assist ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ adaptive cruise control 
• ช่วงล่าง Adaptive air suspension มาพร้อมระบบควบคุมการทำงาน Porsche Active Suspension Management (PASM)  

ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด เทคโนโลยี 2-chamber และ 2-valve ทำให้ได้ทั้งความนุ่มนวล ความเสถียรทั้งการขับขี่บนเส้นทาง on-road และ off-road  เมื่อเปรียบเทียบกับระบบช่วงล่างมาตรฐาน และระบบช่วงล่างของรุ่นก่อนหน้า 

ระบบปรับระดับอัตโนมัติ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การบังคับควบคุมที่แม่นยำขึ้นลดอาการโคลงตัวในระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วสูง 

ด้านเครื่องยนต์ ปอร์เช่ คาเยนน์ มีตัวเลือกที่หลากหลาย 
เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่  4 ลิตร ติดตั้งใน คาเยนน์ เอส (Cayenne S) พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนเครื่องยนต์ V6 ในรุ่นก่อนหน้า 

• กำลังสูงสุด 474 แรงม้า เพิ่มขึ้น 34 แรงม้า 
• แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร 
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.7 วินาที 
• ความเร็วสูงสุด 273 กม./ชม. 

เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาดความจุ 3 ลิตร ติดตั้งในคาเยนน์รุ่นเริ่มต้น 

• กำลังสูงสุด 353 แรงม้า เพิ่มขึ้น 13 แรงม้า จากรุ่นก่อนหน้า
• แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร gพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร 

รุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) นำเครื่องยนต์ 6 สูบ ตัวเดียวกันนี้มาใช้ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 176 แรงม้า เพิ่มขึ้น 40 แรงม้า ส่วนสมรรถนะเมื่อทำงานร่วมกัน จะให้กำลังสูงสุด 470 แรงม้า 

ติดตั้งแบตเตอรี่ high-voltage ความจุ 17.9 3- 25.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถเดินทางด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ระยะทางสูงสุด 90 กม. (มาตรฐาน WLTP)  

ระบบ on-board charger ใหม่ ขนาด 11 กิโลวัตต์ ลดระยะเวลาการชาร์จพลังงานให้สั้นลงภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง 30 นาที 

ทั้ง 3 รุ่น นั้น จำหน่ายในภูมิภาคยุโรป 

แต่นอกภูมิภาคยุโรป ปอร์เช่ กำหนดให้รุ่น เทอร์โบ จีที (Turbo GT) เวอร์ชั่นที่มีสมรรถนะสูงสุดสำหรับการขับขี่แบบ on-road เป็นรุ่นเรือธงในเกือบทุกตลาด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาดความจุ 4 ลิตร

• กำลังสูงสุด 659 แรงม้า 
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.  3.3 วินาที 
• ความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม.

สำหรับประเทศไทย เอเอเอส กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เปิดรับจอง คาเยนน์ ใหม่ ราคาเริ่มต้น 7.95 ล้านบาท และรุ่นตัวถัง คูเป้ (Coupé) เริ่มต้น 8.25 ล้านบาท) รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะตลาดในแต่ละภูมิภาค 

คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) ราคาเริ่มต้น 6.59 ล้านบาท และรุ่นตัวถัง คูเป้ ราคาเริ่มต้น 6.89 ล้านบาท

คาเยนน์ เอส (Cayenne S) ราคาเริ่มต้น 10.5 ล้านบาท รุ่นตัวถัง คูเป้ เริ่มต้น 10.8 ล้านบาท

โดยในตลาดยุโรป ปอร์เช่ พร้อมส่งมอบ คาเยนน์ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2566

ส่วนในประเทศไทยจะเริ่มส่งมอบในช่วงเดือน ตุลาคม เป็นต้นไป