แมคนิก้า ไซเทค เปิดตัวรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ เลเวล 3 เล็งต่อยอดลูกค้าองค์กร
เรื่องราวของรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น ปัจจุบันผู้ผลิตนำเทคโลโยีหลายๆ อย่างใส่เข้ามากันมากขึ้นในรถที่จำหน่าย แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้น 2 (Level 2) หรือ อาจจะมีบางรายที่ระบุว่า 2+
ขณะที่เป้าหมายสูงสุดที่วางกันไว้สำหรับรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ คือการขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ แต่นั่นอาจจะต้องใช้เวลา เพราะต้องมีความพร้อมในทุกด้านทั้งตัวรถ และสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
แต่ที่งาน Future Mobility Asia Exhibigion & Smmit 2023 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งสนับสนุนโดยกระทรวงพลังงานระหว่างวันที่ 17-19 พ.ค. 2566 บริษัท แม็คนิก้า ไซเทค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายส่งและการขายปลีกการซ่อมยานยนต์ อุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ระบุว่าบริษัท เปิดตัวรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ เลเวล 3 (Autonomous Level3) คันแรกในไทย
ฮิเดอาคิ มิอุระ กรรมการผู้จัดการ ระบุว่า รถดังกล่าวเป็นการดัดแปลงและต่อยอดพัฒนามาจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี ของ บีวายดี อี 6 โดยติดตั้งเพิ่มเติมเช่น คันเร่งไฟฟ้าแบบ ไดรฟ์ บาย ไวร์, กล้อง, ระบบสร้างแผนที่ เอชดี แม็พ ,เซนเซอร์, ไลดาร์ฺ เป็นต้น
โดยใช้ซอฟท์แวร์ Autoware ทำให้รถสามารถขับขี่ได้อัตโนม้ติ ด้วยการกำหนดเส้นทางในแผนที่ จดจำเส้นทาง แต่ขณะเดียวกันก็มีฟังก์ชั่นตรวจจับสิ่งกีดขวาง ทำให้รถสามารถชะลอความเร็ว เบรก หรือเปลี่ยนเส้นทางได้อัตโนมัติ
ส่วนเป้าหมายของเทคโนโลยีนี้ของบริษัทคือ ลูกค้าที่มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิต สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงภาคอุตสาหกรรม เพราะสามารถนำไปใช้ได้กับยานยนต์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่
รวมถึงรถที่ใช้ในพื้นที่ส่วนตัวหรือสาธารณะ เช่น โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย โรงเรียน โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองแร่ หรือสนามบิน เป็นต้น
ทั้งนี้เพราะโดยเบื้องต้นรถดังกล่าวยังเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ปิด โดยลูกค้าสามารถกำหนดเส้นทางการเดินทางที่แน่นอน จุดจอด ได้ตามความหมาะสมกับงาน
หรืองานบางอย่างที่เป็นงานอันตราย ที่ต้องการความเสี่ยงของคนขับ เช่น งานเหมืองแร่ หรืองานขนส่งบางพื้นที่ ก็สามารถใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติให้ทำงานแทนได้
นอกจากนี้ยังมองไปยังกลุ่มผู้ดำเนินธุรกิจเอสเอ็มอี หรือ ผู้ผลิตชิ้นส่วน ก็สามารถนำไปใช้สำหรับการทดสอบ วิจัย เพื่อต่อยอดธุรกิจของตนเองต่อไปในอนาคต
“ผลิตภัณฑ์ของเรา ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะต้องเป็นยานพาหนะแบบไหน หรือใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ลูกค้าสามารถอกแบบตามความต้องการใช้งาน เส้นทางการวิ่ง และคุณสมบัติที่ต้องการ ราคาจะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เป็นโมเดลการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับที่ยืดหยุ่นที่สุดในปัจจุบัน”
หรือสรุปได้ว่า แม้บริษัทจะสามารถพัฒนาเลเวล 3 ได้ แต่ถ้าลูกค้าต้องการนำเทคโนโลยีบางส่วนไปใช้ก็สามารถทำได้เช่นกัน
สำหรับรถคันแรกมีต้นทุนรวมประมาณ 17 ล้านบาท โดยเป็นโครงการพัฒนายานยนต์เพื่อใข้ในเชิงพาณิชย์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัมนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ภายใต้สำนักงานสภานโยลายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์บริการ ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนทุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐบาลไทย ภายใต้งบประมาณสนับสนุน 17 ล้านบาท
และรถคันแรกจะส่งมอบให้กับกรมวิทยาศาสตร์บริการ ที่เตรียมนำไปใช้ในการวิจัย พัฒนา และทดสอบในสนามทดสอบที่กำลังก่อสร้างในขณะนี้
ทั้งนี้สำหรับต้นทุนการพัฒนาดังกล่าว ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูง เพราะเป็นการพัฒนาคันแรก จึงมีต้นทุนในหลายๆ ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาเช่น ค่าลิขสิทธิ์ ค่าขนส่ง แต่ถ้าหากในอนาคตมีการพัฒนาเชิงพาณิชย์ และมีปริมาณที่เหมาะสมก็จะลดต้นทุนต่อหน่วยลงได้
นอกจากนี้บริษััทยังเพิ่มพันธมิตร คือ เจ็นเซิฟ ซึ่งเป็นผู้พัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถ AGV (Automated Guided Vehicles) หรือรถลำเลียงอัตโนมัติสัญชาติไทย สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรม คลังสินค้า
โดยความร่วมมือคั้งนี้ เจ็นเซิฟ จะรับหน้าที่ติดตั้งฮาร์ดแวร์ระบบออโตเมชั่นทั้งหมด ทำให้สามารถทำงานโดยไม่มีผู้ควบคุม และสามารถขับเคลื่อนได้เองในระยะทางมากกว่า 100 กม. ด้วยความเร็วสูงสุด 40 กม./ชม.
