ลองขับ โตโยต้า Innova Zenix ตอบโจทย์ผู้ขับ ผู้โดยสาร แต่รูปร่าง ขออีกนิด
โตโยต้า อินโนว่า (Innova) เปิดตัวครั้งแรกในปี 2547 เป็นหนึ่งในโครงการ IMV และทำตลาดติดต่อกันมา 2 รุ่น ก่อนที่รุ่นที่ 3 Innova Zenix จะเปลี่ยนแปลงแนวคิดไปจากเดิม และอารมณ์การขับขี่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่นกัน และมันดีขึ้น
โครงการ IMV (Innovative International Multi Purpose vehicle) เป็นการใช้โครงสร้างร่วมกันระหว่างปิกอัพ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ พีพีวี ฟอร์จูนเนอร์ และอินโนว่า มีฐานการผลิตหลักใน 3 ประเทศคือ ไทย แอฟริกาใต้ และอาร์เจนตินา
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในครั้งนี้ สำหรับการเปิดตัว อินโนว่า ซีนิกซ์ (Innova Zenix) คือ มันไม่ได้เป็นการออกแบบ แบบ แพลทฟอรฺ์ม “บอดี้ ออนเฟรม” ที่ใช้โครงสร้งร่วมกับรถปิกอัพอีกต่อไป
ไม่ได้เอาแชสซีส์ ไฮลักซ์ รีโว่ มาใช้ แล้วครอบตัวถังลงไป แต่เป็นโครงสร้างตัวถัง โมโนค็อค แพลทฟอร์ม TNGA ที่มีชื่อเสียงของโตโยต้า และผลิตในอินโดนีเซีย
นอกจากนั้นยังเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่าง ทั้งเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เบรก หรือว่าพวงมาลัยจากไฮดรอลิค มาเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า
โตโยต้า อินโนว่า เซนิกซ์ มีให้เลือก 2 รุ่น แตกต่างกันที่ออปชั่น คือ
- 2.0 HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท
- 2.0 HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท
2.0 HEV Smart มีออปชั่นเด่น เช่น บาะนั่งแถว 2 แบบ Captain Seat และโต๊ะส่วนตัวพับได้ หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ไฟหน้า และไฟท้าย LED ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แบบ Kick Activated
จอแสดงผลข้อมูลด้านผู้ขับขี่เป็นจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งแถว 3 แบบพับเรียบ และพับแยกได้แบบ 50:50 เบรกมือไฟฟ้า และ Auto Brake Hold ระบบเชื่อมต่อ T-Connect
ระบบความปลอดภัย TOYOTA SAFETY SENSE เวอร์ชั่นล่าสุด กล้องมองภาพขณะถอยหลัง ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSM) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (RCTA) ระบบแจ้งเตือนลมยาง (TPMS) สัญญาณเตือนกะระยะ 8 ตําแหน่ง ถุงลม 6 ตําแหน่ง
ส่วน รุ่น 2.0 HEV Premium มีออปชั่นที่เพิ่มเขัามาคือ หลังคามูนรูฟ Panoramic ตกแต่งภายในแบบทูโทน สีน้ำตาล Dark Chestnut กับสีดำ
เบาะนั่งแถว 2 ปรับไฟฟ้าแบบ Captain Seat เบาะรองน่องปรับไฟฟ้า และโต๊ะส่วนตัวพับได้ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองที่พวงมาลัย หรือ Paddle Shift กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และกล้องมองรอบคัน หรือ Panoramic View Monitor
ทั้ง 2 รุ่น ราคาต่างกัน 100,000 บาท โดยต่างกันที่ออปชั่นหลัก 6 รายการ ส่วนรายละเอียดด้านเทคนิคเหมือนกัน ขับได้อารมณ์เหมือนๆ กัน ก็น่าจะทำให้ตัดสินใจได้ง่าย ว่าจะจ่ายถูกกว่า หรือเพิ่มอีก 1 แสน สำหรับ ออปชั่นเพิ่มความหรู และความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นครับ
การเปลี่ยนแปลงแพลทฟอร์ม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างชัดเจน ความนุ่มนวลเพิ่มขึ้น ความเนียนในการขับขี่ ควบคุมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน
ความเนียนคืออะไร ก็เช่นการดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน การพยายามรักษาแนวขนานกับพื้นถนนของตัวถังให้มากที่สุด จังหวะขึ้นลงให้เป็นหน้าที่ของล้อและช่วงล่าง นั่นทำให้รู้สึกถึงความนิ่งเมื่อเทียบกับโฉมเดิม รวมถึงจังหวะการกระเด้งเมื่อเจอทางเป็นคลื่นเป็นลอน ขรุขระ
รวมถึงจังหวะการขึ้นลงคอสะพานที่ทำได้ดี จังหวะรีบาวด์มีน้อย แต่ยังมีอยู่บ้างถ้าหากใช้ความเร็วสูงๆ แต่ถ้าความเร็วทั่วไป ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
การขับขี่ที่ความเร็วสูง ตัวรถนิ่ง ทำให้คุมรถได้แบบผ่อนคลาย และมารีดความโดดเด่นเมื่อต้องเปลี่ยนเลนไปมา ด้วยระดับความเร็วพอควร รวมถึงการจัดการกับเส้นทางโค้งต่างๆ จนต้องมานั่งทบทวนใหม่ ว่านี่คือ อินโนว่า จริงๆ หรือเปล่า
ครับ อารมณ์เปลี่ยนไปเยอะ
ช่วงล่างที่นิ่ง การยุบตัวยกตัว การโยนที่มีน้อย นอกจากจะทำให้ขับขี่ได้ง่ายแล้ว ผู้โดยสารยิ่งชอบ โดยเฉพาะเบาะนั่งคู่กลางที่เป็นแบบกัปตัน ซีท 2 ที่นั่ง ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมเบาะรองน่อง ปรับไฟฟ้าเช่นกัน และโต๊ะส่วนตัวที่พับเก็บได้
เพื่อนร่วมทางคนหนึ่งถึงกับยึดเบาะแถว 2 นี้ ทั้งไปและกลับ กรุงเทพฯ-ระยอง-กรุงเทพฯ ไม่จับพวงมาลัยแม้เพียงนิด
ขณะที่ห้องโดยสารก็กว้าขวาง ช่วยให้ผู้นั่งเบาะแถว 2 สบายเข้าไปใหญ่ ที่วางเท้า พื้นที่ว่างช่วงเข่า พื้นที่เหนือศีรษะมีมากพอ ส่วนเบาะแถว 3 ก็นั่งได้คร้บ ผู้ใหญ่ก็นั่งได้
หากเทียบขนาดของตัวรถ อินโนว่า ใหม่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิม แทบทุกมิติ
- ความยาวตัวถังเพิ่มขึ้น 35 มม. (4,670 มม.)
- ความกว้างเพิ่มขึ้น 20 มม. (1,850 มม.)
- ความสูงลดลง 5 มม. (1,790 มม.)
และที่มีผลต่อห้องโดยสารมากก็คือ ระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 100 มม. เลยทีเดียว ส่วนหนึ่ง ก็มาจากการหันมาใช้เครื่องยนต์เบนซินที่มีขนาดเล็กลง และขับเคลื่อนล้อหน้า จึงลดพื้นทีของเครื่องยนต์ เกียร์ และเพลาขับที่่ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลัง เหมือนรุ่นที่แล้ว
พูดถึงเครื่องยนต์ เกียร์ โตโยต้า ระบุว่าตำแหน่งการวางนั้นกดต่ำลง ช่วยให้ศูนย์ถ่วงต่ำลง ดั้งนั้นแม้ว่า ground clearance จะสูงขึ้น 7 มม. (185 มม.) แต่ตำแหน่งเครื่องยนต์ที่ต่ำลง รวมถึงแบตเตอรีที่ติดตั้งไว้ใต้เบาะหน้า ก็ช่วยทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง และม่ีีผลต่อการควบคุมรถที่ดีขึ้น การโยนตัวลดลงอย่างที่บอกไปครับ
สำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ คือ เบนซิน 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 152 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 188 นิวตันเมตร ที่ 4,400-5,200 รอบ/นาที ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 206 นิวตันเมตร
การทำงานของเครื่องยนต์ราบเรียบ ส่งผลให้ตัวรถนิิ่งมีแรงสั่นเข้ามาน้อยมาก รวมถึงจังหวะดับหรือติดขึ้นมาใหม่ของเครื่องยนต์ โดยเครื่องยนต์ตัวนี้ให้มีกำลังอัดตั้งแต่ 3:1-14:1 โดยกำลังอัดที่ต่ำ ก็จะใช้ในจังหวะที่ไม่ต้องการกำลังอัดที่สูง รวมถึงจังหวะเริ่มต้นติดใหม่อีกครั้ง ทำให้ติดง่ายและไม่สั่นสะเทือน หรือจะพูดให้เห็นภาพง่ายก็เหมือบการลดความฝืดลงนั่นเอง
ในภาพรวมของการขับขี่ ระบบไฮบริดตอบสนองได้รวดเร็ว การใช้คันเร่งก็ไม่ต้องรุนแรงกับมัน แค่ค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักลงไป ระบบก็รู้เรื่อง และตอบสนองได้เร็ว เมื่อรวมกับช่วงล่างที่ดี ทำให้ขับได้สนุก และ (ผม) ลืมเรื่องความประหยัดของมันไปชั่วคราว เอาไว้โอกาสหน้าจะมาลองขับแบบทั่วๆ ไปดู แต่ครั้งนี้ขอรีดอารมณ์ของรถออกมาก่อน
โหมดขับขี่มีให้เลือกทั้ง eco, hybrid และ sport ซึ่งเมื่อใช้โหมดสปอร์ต การตอบสนองก็จะเร็วขึ้นแบบรู้สึกได้ แต่โดยทั่วไปแล้วใช้โหมด hybrid ก็เพียงพอ และสนุกได้แล้วครับ
ส่วนใหญ่แล้วต้องยอมครับ กับ อินโนว่า ใหม่ ขับดีขึ้นชัดเจน ได้ทั้งความสบาย ความง่าย และความสนุกกับอารมณ์สปอร์ตทั้งไฮบริด และช่วงล่าง แต่สิ่งอาจจะยังเป็นจุดอ่อนสักนิดคือ เสียงลมปะทะที่มีเข้ามาแม้ความเร็วจะไม่สูงมาก ประมาณ 100 กม./ชม. แต่ก็มีข้อดีที่ว่าเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น ความดังไม่ได้เพิ่มตามเป็นอัตราส่วนแปรผัน
อีกอย่างคือ รูปโฉมภายนอก สำหรับผมยังไม่ถูกใจนัก ไหนๆ โครงสร้าง ก็หลุดพ้นจาก อินโนว่า รุ่นเดิมๆ แล้ว ก็น่าจะดีไซน์ให้หลุดไปเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ แล้วแต่มุมมอง แล้วแต่ความชอบแต่ละคนครับ
ความสวยไม่สวยไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ไม่ว่าจะเป็นรถหรือสาวๆ ก็ตาม