หนาว! สาว Rolls-Royce Ghost เอาเรื่อง ซ่อมรถทะลุล้าน ตร.นัดหนุ่มกระบะให้ปากคำ

กรณีหนุ่มรถกระบะขับชนรถหรู Rolls-Royce Ghost ของสาวจีน บนทางด่วน ความคืบหน้าข่าวดังฮอตโซเชียล ตำรวจนัดหนุ่มขับรถกระบะสไตล์รถซิ่ง พร้อมด้วยคู่กรณี สาวจีนเจ้าของรถหรู สอบปากคำ-เจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย 18 ส.ค.นี้ ขณะที่ค่าซ่อมรถหรูประเมินราคาราว 1 ล้านบาท เตรียมแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย 

หลังจากที่นายอนิรุจน์ คงทรัพย์ ทนายความ พร้อม น.ส.ซุน อวี้หาน (Sun Yuhan) อายุ 38 ปี นักธุรกิจ​ร้านอาหารชาวจีน เจ้าของรถหรูมูลค่า 32 ล้านบาท ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับคนขับรถกระบะ ที่ขับรถชนท้ายได้รับความเสียหายนั้น

ล่าสุดทางด้าน  พ.ต.ท.โสภณ โกมลสุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) ส.ทล.1.กก.8 บก.ทล. เปิดเผยว่า ตำรวจได้ติดต่อให้ทั้งสองฝ่ายพร้อมบริษัทประกัน เข้ามาพบเพื่อเจรจาเรื่องค่าเสียหายใน วันที่ 18 สิงหาคมนี้ 

"เบื้องต้นคู่กรณีคนขับรถกระบะ ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว และยินดีจะมาพบในวันดังกล่าว ในส่วนของค่าซ่อมรถนั้น มูลค่าอาจสูงถึง 1 ล้านบาท แต่คงต้องให้ทางบริษัทประกันประเมินความแน่ชัดอีกครั้ง โดยในคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนในข้อหาเบื้องต้น จะเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.จราจร ในข้อหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย”

 

ไฮโซสาวจีน พร้อมทนาย เจ้าของรถโรลส์-รอยซ์ แจ้งความเอาผิดกระบะชนท้าย

กรณีการแชร์ภาพว่อนโซเชียล รถกระบะชนท้ายรถโรลส์-รอยซ์ เหตุเกิดบริเวณ บนถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข7 (มอเตอร์เวย์) กม.48+000 มุ่งหน้าขาเข้ากรุงเทพ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยมีการระบุว่า เจ้าของรถโรลส์-รอยซ์ ไม่ติดใจเอาเรื่องนั้น

ล่าสุดวันนี้ ทางด้าน นายอนิรุจน์ คงทรัพย์ ทนายความ พร้อมด้วย น.ส.ซุน  ยูฮัน(Sun Yuhan) อายุ 38 ปีซึ่งเป็นคนขับรถในวันเกิดเหตุ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.โสภณ โกมลสุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล.  ให้ปากคำเพื่อเอาผิดกับคนขับรถกระบะที่ชนท้ายรถหรูยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ รุ่น โกสต์ ราคากว่า 32 ล้านบาท

นายอนิรุจน์ ระบุว่า เจ้าของรถชาวจีนรายนี้ ทำธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยมีสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และ พัทยา ในวันเกิดเหตุกำลังจะนำรถคันดังกล่าวเข้าเช็คระยะที่ศูนย์บริการ ระหว่างที่ขับมาปกติเพียงลำพัง จู่ๆรถกระบะคู่กรณีก็ขับมาพุ่งชนท้ายอย่างแรง สาวจีนจึงลงไปเจรจากับคู่กรณี

"ด้วยความที่น.ส.ซัน พูดภาษาไทยไม่ได้  จึงใช้ภาษามือให้คู่กรณีไปเจอที่อู่รถ เพราะกำลังเอารถไปตรวจเช็ค แต่ด้วยการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนทำให้คู่กรณีไม่ได้ไปตามที่คุยกันไว้ ยืนยันไม่ได้บอกว่าจะไม่เอาความ แต่เมื่อทราบจากข่าวจึงตกใจ และรีบปรึกษาทนาย ซึ่งเป็นทนายที่ดูแลว่าความให้เธออยู่แล้ว"

นายอนิรุจน์ ระบุอีกว่า สำหรับรถโรลส์-รอยซ์ มีประกันชั้น 1 แต่หญิงสาวชาวจีนคนดังกล่าว บอกผ่านล่ามว่า ไม่ได้เป็นคนผิด จึงจะไม่ยอมความ และอยากให้ตำรวจตามตัวคู่กรณีมารับผิดชอบ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุคนขับกระบะยังไม่ติดต่อมา ส่วนความเสียหายอยากให้ประกันมาคุยกัน โดยทันทีที่เธอมาถึง เธอได้เข้าไปให้ปากคำทันที โดยล่ามบอกว่า สักครู่จะออกมาให้สัมภาษณ์สื่ออีกครั้ง 

"ส่วนกระแสข่าวที่ว่า เจ้าตัวเบรคกะทันหัน จึงทำให้รถคู่กรณีชนท้ายนั้น ไม่เป็นความจริงโดยสาวชาวจีนยืนยันว่าขับรถมาตามปกติเท่านั้น พร้อมยืนยันจะไม่มีการที่ต่างฝ่ายต่างซ่อม แต่จะให้บริษัทประกันเป็นผู้เจรจาค่าเสียหายกับทางคู่กรณี ส่วนความเสียหายนั้น ทราบว่า มีไฟท้ายแตก และบังโคลนท้ายเสียหาย ขณะนี้ยังไม่มีการประเมินค่าซ่อมที่จะเกิดขึ้นว่ามีมูลค่าเท่าไหร่"

ด้านพ.ต.ท.โสภณ ระบุว่า หลังจากนี้ จะตามตัวคนขับรถกระบะมาสอบปากคำ โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะตั้งแต่เกิดเหตุ ทั้งคู่ยังไม่ได้มาแจ้งความ ตำรวจก็ทราบเรื่องจากโซเชียลเท่านั้น จากนี้จะนำภาพวงจรปิดมาดูว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด โดยขณะนี้ ได้ตามตัวคู่กรณีพบแล้ว โดยไม่มีการหลบหนีแต่อย่างใดพร้อมที่จะมาเจรจา ตามกฎหมายต่อไป

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 สิงหาคม ที่ช่องทางเดินรถที่ 4 บนถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข7 (มอเตอร์เวย์)กม.48+000 มุ่งหน้าขาเข้ากรุงเทพ ตำรวจ พนักงานสอบสวน ส.ทล.1กก.8 บก.ทล. ได้รับแจ้งเหตุ มีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน กันคู่กรณีตกลงกันได้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีของหลวงเสียหาย ต่อมาแจ้งให้รถตรวจเขตออกไปอำนวยการจราจร

เมื่อตำรวจไปถึงคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแยกย้ายเข้าที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่ง รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อิซูซุ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 1ขถ-5073 กรุงเทพมหานคร มีนายพงษ์เทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี เป็นผู้ขับขี่

ส่วนรถอีกคันเป็นรถโรลส์-รอยซ์ ซึ่งตำรวจสอบถามคู่กรณี ที่เป็นคนขับรถกระบะ แจ้งว่า คนขับรถหรู เป็นชาวต่างชาติ ขับมาคนเดียว และไม่ติดใจเอาความ เนื่องจากช่วงเกิดเหตุมีการจราจรคับคั่ง จึงขอแยกย้าย โดยไม่ให้รายละเอียดเอาไว้ ซึ่งทั้งหมดเป็นการคุยกันโดยใช้โปรแกรมแปลภาษา จึงทำให้มีความคลาดเคลื่อนก่อนที่ในวันนี้หญิงชาวจีนและทนายความจะเดินทางเข้าพบตำรวจเพื่อแจ้งความดำเนินคดี