'นิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต' เสริมเข้ม รถครอบครัว-นักเดินทาง ราคาจูงใจ
รถยนต์ในกลุ่ม พีพีวี ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมตลาดรถยนต์จะหดตัว แต่พีพีวี ยังมียอดขายเติบโต และตลาดนี้มีผู้เล่นไม่มาก คือ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์, อีซูซุ มิว-เอ็กซ์, ฟอร์ด เอเวอเรสต์, มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต และนิสสัน เทอร์ร่า
สำหรับ นิสสัน เทอร์ร่า (Nissan Terra) แม้ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา จะมียอดขายที่เติบโต แต่ก็ยังมีตัวเลขไม่มากนัก และค่อนข้างห่างจากคู่แข่ง
จริงๆ แล้วหลายคนก็ชื่นชอบเทอร์ร่า ทั้งเรื่องของการใช้งาน ออปชั่น รวมถึงโครงสร้างราคา ดังนั้นจึงเป็นการบ้านข้อใหญ่สำหรับนิสสัน ในการหาคำตอบให้ได้ และหาทางออกให้เจอ
ล่าสุด นิสสัน ขยับตัวกับ เทอร์ร่า สร้างความเคลื่อนไหวใหม่ เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบอารมณ์สปอร์ต กับรุ่นย่อยใหม่ที่เปิดตัวมาได้สักพัก เป็นตัวท็อปแทน VL 4WD 7AT คือ VL 4WD 7 AT Sport
สิ่งที่เพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนหลักๆ คือ เพิ่มชุดแต่งภายนอก ประกอบด้วย
กระจังหน้าสีดำ
- ชุดตกแต่งกันชนหน้า และ กันชนหลังสีดำเงา
- แผงกันกระแทกด้านหน้าและหลังสีดำ
- ฝาครอบไฟตัดหมอกสีดำ
- กระจกมองข้างสีดำ
- ราวหลังคาสีดำมือจับประตูสีดำ
- คิ้วตกแต่งซุ้มล้อสีดำ
- บันไดข้างสีดำ
- เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ
- สปอยเลอร์หลังสีดำ
- คิ้วและแผงประตูท้ายสีดำ
- สัญลักษณ์ Sport ด้านหลัง
- ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งโทนสีดำ เพื่อให้มมุมมองที่สปอร์ตมากขึ้น
ซึ่งผมว่าก็ดูสวยขึ้นนะ มีความลงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับสีเทาฟ้าที่ผมขับ แต่เมื่อไปเดินๆ ดูคันสีดำ ก็ดูดีเหมือนกัน เข้ม ขรึมเลยทีเดียว
ส่วนรายละเอียดด้านเทคนิคยังเหมือนเดิม ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที รองรับเชื้อเพลิง B7, B10 และ B20
เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่มีโหมดแมนนวลให้เลือกเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถปรับเปลี่ยนได้สะดวกด้วยการหมุนโรเตอร์ บริเวณด้านล่างคอนโซลหน้า
ช่วงล่างด้านหน้า อิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบ 5 ลิ้งค์ พร้อมคอยล์สปริง
เบรกเป็น ดิสค์เบรก 4 ล้อ ซึ่งปรับเปลี่ยนมาจากดรัมเบรกในล้อหลังเมื่อครั้งไมเนอร์เชนจ์คราวก่อน พร้อมกับเพิ่มขนาดให้ใหญ่และมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ
ครั้งนี้ลองขับกันยาวๆ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เขาค้อ เพชรบูรณ์ เจอเส้นทางที่หลากหลาย การจราจรที่หลายหลาก ผิวถนนก็เช่นกัน โดยเฉพาะเส้นทางจากสระบุรีผ่านลพบุรี มุ่งหน้าเพชรบูรณ์ น่าจะเป็นผลจากมีรถบรรทุกใช้งานจำนวนมาก ทำให้ผิวถนนเป็นคลื่นเป็นลอนชัดเจน
แต่จังหวะการดูดซับของ เทอร์ร่า สปอร์ต ใช้ได้ทีเดียว จังหวะรีบาวนด์มีไม่มาก จังหวะเด้งน้อย รวมถึงช่วงเส้นทางขรุขระ ก็รูดได้เลย
คำตอบที่ดีในเรื่องนี้ คงจะเป็นคนนั่งเบาะแถว 2 ที่ตีตั๋วนอนแทบจะตลอดทาง
ช่วงล่างของเทอร์ร่า สปอร์ต อยู่กึ่งๆ ระหว่างนุ่มนวลกับสปอร์ต อลุ้มอล่วยให้ทั้งกับผู้ขับและผู้โดยสาร
ดังนั้นเมื่อถึงจังหวะการเข้าออกโค้งด้วยความเร็วพอควร จะรับรู้ถึงการโยนของตัวถังได้บ้าง แต่ไม่สร้างปัญหาในการควบคุมขับขี่แต่อย่างใด ยังสามารถทำเวลาได้ดี และขับสนุกได้
พวงมาลัย ในเส้นทางทั่วๆ ไปคุมสบายๆ จับหลวมๆ ก็เดินทางได้แบบผ่อนคลาย แต่จังหวะขับขี่ในทางโค้ง ถ้าหากว่าเพิ่มน้ำหนักอีกนิดก็จะดี
เครื่องยนต์ตอบสนองดี ช่วยให้รถมีความกระฉับกระเฉง อัตราเร่งใช้ได้ การเรียกความเร็วทำได้ทันอกทันใจ คันเร่งน้ำหนักเบา ตอบสนองเร็วขึ้น
ถ้ามองในภาพรวม การอยู่กับรถนานๆ ขับกันยาวๆ ผมว่า เทอร์ร่า เป็นรถที่ขับง่าย สนุก เดินทางไกลไม่เหนื่อย ผู้โดยสารก็ค่อนข้างชื่นชอบ เพราะนั่งสบาย ห้องโดยสารกว้างขวาง ทัศนวิสัยดี ซึ่งนิสสัน เคลมว่า พื้นที่วางเท้าของเบาะนั่งแถว 2 กับแถว 3 นั้นกว้างที่สุดในคลาส
ขณะที่ราคาของเทอร์ร่า ก็น่าสนใจ ไล่ราคาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ อัตโนมัติ 7 สปีด ค่าตัว 1.199 ล้านบาท ส่วนรุ่นล่าสุด VL 4WD 7 AT Sport เพิ่มอีก 3.6 หมื่นบาท จาก VL 4WD AT อยู่ที่ 1.555 ล้านบาท
การวางราคาของ นิสสัน เทอร์ร่า น่าสนใจ ขณะเดียวกันออปชั่นต่างๆ ก็ใส่มาไม่น้อย อย่างคันนี้ก็มีทั้ง เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน 360° Safety Shield และเครื่องเสียง BOSE ที่ให้คุณภาพเสียงดีเลย และดีกว่าคู่แข่งหลายคัน
ส่วนออปชั่นหลักๆ ไฟหน้า แบบ Quad LED 4 ดวง ที่เป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน เสริมด้วยไฟ Daytime Running Light ไฟตัดหมอก LED ไฟท้าย LED แบบ Light Guide เส้นคู่ ไฟเบรก LED ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว สีทูโทนแบบปัดเงา
คอนโซลหน้าะตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์บุนุ่ม ระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
เบาะนั่งแถว 2 มีฟังก์ชั่น Auto Tumble Seat ที่คอนโซลกลาง พับอัตโนมัติโดยการกดปุ่มเแบบ 1-Touch Remote Fold & Tumble เพื่อให้ผู้โดยสารแถวที่ 3 ขึ้น-ลง ได้สะดวกขึ้น
ติดตั้งฉนวนกันเสียงหลายจุด รวมถึงกระจกบังลมหน้า และกระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบ Acoustic Glass จากการการลองใช้งานก็ถือว่าเงียบแบบเห็นผลครับ
NissanConnect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ Apple CarPlay ได้แบบไร้สาย และ Android Auto หน้าจอกลางแบบสัมผัสรขนาด 9 นิ้ว ติดตั้งระบบนำทาง (Navigation System) และระบบสั่งงานด้วยเสียง
เอาใจผู้โดยสารตอนหลัง ด้วยจอมอนิเตอร์ขนาด 11 นิ้ว พับเก็บไว้บนหลังคา สามารถสตรีมมิ่งได้ เช่น NetFlix และ YouTube ผ่านช่อง HDMI
ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย กำลังการชาร์จไฟ 15 วัตต์ ช่องชาร์จ USB-A 3 จุด และ USB-C 2 จุด
กล้องมองภาพรอบทิศทาง และในรุ่น 4WD จะเพิ่มระบบ Off-Road Mode เมื่อเปิดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งช่วยเพิ่มมุมมองรอบตัวรถขณะขับขี่ และทำงานร่วมกับ Parking Sonar ที่ติดตั้งเซนเซอร์ที่กันชนหน้า 4 จุด และกันชนหลัง 4 จุด เมื่ออยู่ในเกียร์ D และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม.
กระจกมองหลังเลือกได้แบบปกติ หรือจะให้แสดงภาพจากกล้องความละเอียดสูง กรณีที่บรรทุกสัมภาระเต็มหลังรถ บังทัศนวิสัย
ระบบ เตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง ระบบเตือนผู้ขับขี่เมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล ถุงลม คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมรวม 6 ตำแหน่ง
เมื่อมองทั้งออปชั่น และราคา ถือว่านิสสัน เทอร์ร่า จะรุ่นสปอร์ต หรือ รุ่นอื่นๆ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะถูกกว่าคู่แข่งอยู่พอควร เอาไปเติมน้ำมัน ในยุคที่ราคาขึ้นเอ๊าขึ้นเอา ได้มากอยู่ทีเดียวครับ