ยางนั้น สำคัญ... มาก ลอง BFGoodrich ทางเรียบ-ออฟโรด-ครอสคันทรี
ยาง เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมาก เพราะรับหน้าที่หลายอย่าง ทั้งความสะดวกสบาย สมรรถนะ และที่สำคัญคือความปลอดภัย แต่บางทีผู้ใช้รถจำนวนไม่น้อย ที่มองข้ามเรื่องของยางไป แต่ไปให้ความสำคัญกับความแรงของรถ ความสวยงาม
อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ผู้ขับขี่ควรทำคือ การดูแล และการตรวจสอบสภาพยางให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานอยู่เสมอ ไม่มีความเสียหายที่นำไปสู่ความเสี่ยง และการเลือกใช้ยางให้ถูกประเภท เช่น รถที่บรรทุกหนักๆ อย่างรถปิกอัพขนของ แต่เลือกใช้ยางรถเก๋ง เป็นต้น
ส่วนยางที่มีความเสี่ยง มีอะไรบ้าง เช่น
- ยางบวม
- ยางมีรอยบาด รั่ว ที่แก้มยาง
- ร่องดอกยางตื้นเกินไป สังเกตจากสะพานยาง อยู่ในระดับดับเดียวกับดอกยาง
- ยางแข็ง ขาดความยืดหยุ่น
เมื่อพูดถึงยาง ชื่อของ BFGoodrich (บีเอฟกู๊ดริช) เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 150 ปี ที่รู้จักกันแพร่หลายในประเทศไทย และโด่งดังยิ่งขึ้น เมื่อฟอร์ด เลือกมาเป็นยางติดรถปิกอัพตัวแกร่งอย่าง เรนเจอร์ แร็พเตอร์ และทำงานได้ดี
ทั้งนี้บีเอฟ กู๊ดริช รวมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมิชลินเมื่อปี 2533 และสิ่งที่ทำให้ยางยี่ห้อนี้โดดเด่น คือ ยางเรเดียลรุ่นแรกที่ผลิตในสหรัฐ , ยางเรเดียลรุ่นแรกของโลกสำหรับทุกสภาพภูมิประเทศ (All-Terrain), ยางล้อสำหรับกระสวยอวกาศ ‘โคลัมเบีย’ (Columbia) เป็นต้น
รวมถึงความสำเร็จในวงการมอเตอร์สปอร์ต เช่น เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง (Le Mans 24 Hours), บาฮา 1000 (Baja 1000) และ ดาการ์ แรลลี่ (Dakar Rally)
ล่าสุด บีเอฟ กู๊ดริช จัดกิจกรรม "BFGoodrich Day" ประจำปี 2566 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย สำหรับผู้จัดจำหน่าย สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์กว่า 200 คน จาก 8 ประเทศ ในเอเชียตะวันออก และโอเชียเนีย ประกอบด้วย
ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, ไทย และเวียดนาม
โดยกิจกรรมครั้งนี้มียางครบทุกรุ่นที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน ทั้งในส่วนของพื้นที่จัดนิทรรศการ และกิจกรรมการขับขี่
สำหรับนิทรรศการ ที่บีเอฟกู๊ดริช จัดกลางทุ่งให้ผู้ร่วมงานจาก 8 ชาติ ให้ได้ดูได้ชมกัน นำเสนอที่มาที่ไปตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งบริษัท ผ่านการเปลี่ยนแปลงผ่านยุคสมัยต่างๆ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในปัจจุบันทุกรุ่น ประกอบด้วย
ยางออฟโรด
- เทรล เทอร์เรน ที/เอ ยางที่ให้สมรรถนะเหนือกว่าบนทางเรียบและรองรับการขับขี่นอกเส้นทางลาดยางที่ไม่สมบุกสมบันมากนัก
- ที/เอ เคโอ2 ยางสำหรับรถยนต์ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4x4) และระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (4x2), รถเอสยูวี และรถกระบะยกสูง มีจุดเด่นที่แรงยึดเกาะ และะการตะกุย
- บีเอฟกู๊ดริช มัด-เทอร์เรน ที/เอ เคเอ็ม3 ยางสำหรับการลุยทุกสภาพเส้นทางของชาวออฟโรด
ยางทางเรียบ
- บีเอฟกู๊ดริช แอดแวนเทจ ทัวร์ริ่ง (BFGoodrich Advantage Touring) ยางรถยนต์สำหรับวิ่งบนทางเรียบ ทุกสภาพถนน โดยเฉพาะการขับขี่ประจำวันในเขตเมือง
- บีเอฟกู๊ดริช จี-ฟอร์ซ ฟีนอม ที/เอ (BFGoodrich g-Force Phenom T/A) ยางรถยนต์สมรรถนะสูงพิเศษ สำหรับทั้งบนถนนเปียกและถนนแห้ง ที่ลองขับกันในสนาม 8 Speed
ส่วนการลองขับมีทั้งขับทางเรียบ และนอกถถน โดยการขับทางเรียบจัดที่สนาม 8 Speed Motor Track เขาใหญ่ กับยาง g-Force Phenom T/A เป็นการขับทั้งแบบดูความสามารถในการควบคุมรถ การยึดเกาะถนน ในบางส่วนของสนาม และการลองขับเปรียบเทียบบนพื้นผิวที่ผสมกันบางส่วนเปียกบางส่วนแห้ง
การลองดูความสามารถในการควบคุมรถ มีทั้งขับสลาลอม และการขับในทางโค้งของสนาม โดยรวมก็ควบคุมได้ไม่ยาก ทั้งโค้งกว้าง หรือโค้งแคบ หรือการโยกพวงมาลัยไปมาช่วงสลาลอม ไม่มีอะไรต้องลุ้น
แต่สิ่งที่จะเห็นความแตกต่างคือช่วงการลองเบรกจากความเร็วเท่าๆ กันที่ความเร็ว 100 กม./ชม.ซึ่ง g-Force Phenom มีระยะเบรกที่สั้นกว่ายี่ห้ออื่นที่นำมาเปรียบเทียบ 1-2 เมตร
ขณะที่การลองควบคุมรถในพื้นที่เปียกเชื่อมต่อพื้นที่แห้ง ที่สนามเป็นเป็นวงกลม ด้วยความเร็วเท่าๆ กัน กับยางตัวอื่นๆ ตรงนี้เป็นความแตกต่างได้ชัดเจนกว่า
โดยเมื่อขับรถที่ติดตั้งยางตัวอื่นๆ จะมีลิมิตของความเร็วถึงระดับหนึ่ง ที่รถเริ่มมีอาการอันเดอร์สเตียร์ หรือเลี้ยวไม่เข้า แต่กับ g-Force Phenom ยังคุมรถให้อยู่ในทิศทางที่ต้องการไปได้ในระดับความเร็วเดียวกัน และยังสามารถเติมน้ำหนักเท้าเพิ่มความเร็วได้อีก
ทั้งนี้สำหรับ g-Force Phenom เป็นยางที่บีเอฟกู๊ดริช ระบุว่าออกแบบมาให้ใช้ได้ดีทั้งทางแห้ง และทางเปียก ลายดอกยางแบบอสมมาตร ด้านหนึ่งดอกยางใหญ่ มีร่องดอกยางเล็กๆ สำหรับรองรับขับขี่ทางแห้ง ขณะที่อีกด้วย ดอกเล็กและร่องดอกยางใหญ่กว่า สำหรับการรีดน้ำออกจากหน้ายาง
จากนั้นย้ายไปยังสนามลองขับในเส้นทางออฟโรด ที่มีทั้งแบบทางแบบครอสคันทรี และทางออฟโรด
โดยการขับแบบออฟโรด ที่เป็นทางลื่นๆ ทางเป็นหลุมเป็นร่อง ไต่เนินชันๆ แต่ไม่มีทางโคลน ใช้ยางออฟโรดตัวเก่ง อย่าง KM3 ยิ่งเมื่อมันติดตั้งมาในรถบั๊กกี้ ก็ยิ่งทำให้การขับผ่านอุปสรรคต่างๆ เป็นเรื่องง่ายๆ
ทั้งช่วงการขับด้วยความเร็ว ที่ต้องใช้พวงมาลัยเลี้ยงเส้นทางบ้าง กับช่วงที่ขับช้าๆ แต่เนินชัน หรือทางเอียง ที่ดอกยางช่วยได้ทั้งการปีนไต่ หรือ การยึดเกาะกับผิวดิน ไม่ให้ไหลลงไปด้านข้างช่วงไต่เนินเอียง
แต่ไฮไลท์ที่โดยส่วนตัวแล้วผมชอบที่สุดคือ การขับปิกอัพ ฟอร์ด เรนเจอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่มาพร้อมกับยาง BFGoodrich Trail-Terrain T/A ซึ่งเป็นทางที่ออกแบบมาให้ใช้ได้กับทั้งทางเรียล และเส้นทางนอกถนนที่ไม่ได้สมบุกสมบันมากนัก
พูดง่ายๆ ไม่ถึงขั้นเป็นออฟโรด ลุยหลุมโคลน เพราะน่าจะเป็นยางที่คนทั่วไปใช้ได้มากที่สุด สำหรับคนเดินทางทั่วไปที่พร้อมจะออกนอกถนนบ้างในบางช่วง
ซึ่งการขับขี่บนถนนหลวงสายมิตรภาพ การยึดเกาะถนนก็ทำได้ดี ความนุ่มนวล หรือว่าเสียงยางก็ใช้ได้ น่าพอใจ ขณะที่เมื่อมาลองขับในทางเดิร์ท หรือทางแบบ Cross Country ที่มีทั้งดิน ทราย หญ้า และโคลนเล็กน้อย จากฝนที่นอกฤดูที่แอบตกมาก่อนหน้านั้นเล็กน้อย
ทำความเร็วได้ในเส้นทางแบบนี้ และโค้งแรก ผมก็นำเอาประสบการณ์ที่เคยขับในทางฝุ่น คือ มาด้วยความเร็วพอควร แล้วเลี้ยวพวงมาลัยล่วงหน้าก่อนถึงโค้ง เพราะทางที่เป็นฝุ่นเป็นดินมีความลื่นมากกว่าผิวถนน ดังนั้นแรงเฉื่อยของรถ กับความลื่นของผิวทาง จะทำให้รถมีอาการหน้ายังเลี้ยวไม่เข้า แต่ท้ายสไลด์ออกไป และเมื่อถึงโค้ง รถก็จะตั้งลำได้พอดี
พูดง่ายๆ อาศัยความเร็วกับการเสียการทรงตัว ช่วยให้รถเดินทางได้เร็ว และเข้าโค้งได้ถูกต้อง
แต่ปรากฏว่าครั้งนี้ผมประเมินพลาดครับ เพราะเมื่อหักพวงมาลัย ปรากฏว่าหน้ารถจิกเข้าไปทันที พูดง่ายๆ เลี้ยวเร็วเกินไป ต้องคืนองศาพวงมาลัยกลับมาก่อน แล้วค่อยเลี้ยวใหม่อีกที
ก็ไม่แน่ใจว่าจะให้เครดิตใครดี ระหว่าง เรนเจอร์ หรือ บีเอฟ กู๊ดริด ที่หน้ายางจิกได้ดี แม้เป็นทางลื่นทางฝุ่น ทางดินก็ตาม แต่เมื่อถามเพื่อนๆ ที่ขับ รีโว่ ก็ได้อารมณ์เหมือนๆ กัน
ดังนั้นเมื่อจับอารมณ์ได้ ก็ทำให้ได้รู้ว่ารอบต่อๆ ไป เราจะเติมคันเร่งได้มากกว่านี้
จัดว่าเป็นยางที่เหมาะกับติดรถมากครับ