เบนซ์ 'GLA 200 AMG Dynamic' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

เบนซ์ 'GLA 200 AMG Dynamic' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA 200 AMG Dynamic เฟซลิฟต์ ซึ่งการปรับโฉมครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอก ภายใน รวมถึงการปรับออปชั่น เพิ่มฟังก์ชั่นบางอย่าง เพื่อเพิ่มความทันสมัย เอาใจคนยุคดิจิทัลมากขึ้น

Merdeces-Benz GLA เป็นหนึ่งในตระกูลรถเล็กที่พัฒนาขึ้นจาก A-Platform เมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่เมอร์เซเดส_เบนซ์ เชื่อว่าทิศทางของรถขนาดเล็กจะมีบทบาทมากขึ้นทั่วโลก และยังเป็นการขยายฐานการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยรุ่นหนุ่มสาว 

ซึ่งก็ได้ผลดีไม่น้อย ยอดขายจากรถในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

โดย GLA เป็นรถในรูปแบบ SUV เปิดตัวเจเนอเรชั่นแรกปี 2014 และรุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบัน เป็นเจเนอเรชั่น 2 เปิดตัวในปี 2020

และล่าสุด เจนฯ 2 ก็ได้เวลาปรับโฉมเติมความสดใหม่ หรือที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เรียกว่า “เฟซลิฟท์” และในไทยก็ประกาศราคาสดๆ ร้อนๆ วันนี้ (25 มกราคม 2567)

โดย GLA 200 AMG Dynamic เฟซลิฟท์  มีค่าตัว 2,580,000 บาท 

มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ก็หลายอย่างอยู่เหมือนกันนะครับ ทั้งภายนอก ภายใน และฟังก์ชั่นต่างๆ 

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงภายนอกที่สำคัญคือ การตกแต่งในรูปแบบ AMG Body Style เพิ่มความดุดันและสปอร์ตมากขึ้น ด้านหน้ากระจังหน้าเป็นแบบ Diamond Radiator Grill พร้อมโลโก้ดาวสามแฉกขนาดใหญ่ตรงกลาง อารมณ์คล้ายๆ กับตระกูลตัวแรงอย่างเอเอ็มจี 

ไฟหน้า LED High Performance พร้อม Adaptive Hi Beam Assist 

ล้อดีไซน์ใหม่เป็นล้อ AMG 19 นิ้ว  แบบ ทวิน สโปค 5 ก้าน สีดำ และมองลึกเข้าไปในล้อจะเห็นการปรับเปลี่ยนเบรกใหม่เป็นแบบเบรกแบบสปอร์ต 

เบนซ์ \'GLA 200 AMG Dynamic\' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

เบนซ์ \'GLA 200 AMG Dynamic\' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

 

เบนซ์ \'GLA 200 AMG Dynamic\' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

และการปรับโฉมครั้งนี้มาพร้อมกับหลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ เพิ่มความหรูหรา และโปร่งโล่ง และสร้างบรรรยากาศใหม่ถ้าใครต้องการเปิดใช้งาน

ภายในห้องโดยสาร จะเห็นว่า Touchpad ที่คอนโซลกลางหายไป เหมือนกับ A-Class ปรับโฉมก่อนหน้านี้ โดยตำแหน่งที่เคยเป็น Touchpad ที่ว่าก็ปล่อยเป็นหลุมเล็กๆ เอาไว้ อาจจะใช้ประโยชน์ไม่ได้มากนัก เล็กเกินกว่าจะวางโทรศัพท์ แต่ก็อย่างว่า นี่เป็นการเฟซลิฟต์ ไม่ใช่โฉมใหม่ พวกโครงสร้างหลักๆ จึงไม่ได้แตะต้องมากนัก 

เหตุผลที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้คือ จริงแล้วผู้ขับขี่ไม่ค่อยได้ใช้งานบ่อยนัก 

แต่ก็เป็นไปได้ว่าตำแหน่งของมันนั้นอยู่ใกล้กับที่วางแก้วน้ำ ขวดน้ำ เมื่ออาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้ง่ายจากหยดน้ำที่มีโอกาสหยดลงไป 

แต่ในแง่การใช้งานก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะยังมี Touch Control ที่พวงมาลัยทั้ง 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา ให้ใช้งาน ทำให้สามารถเลือก หรือควบคุมระบบต่าง ได้โดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย 

 

เบนซ์ \'GLA 200 AMG Dynamic\' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

 

 

เบนซ์ \'GLA 200 AMG Dynamic\' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

และการเฟซลิฟท์ครั้งนี้ก็ยังปรับเปลี่ยนตัว ทัช คอนโทรลนี้ให้ใช้งานง่ายขึ้น รวมถึงปุ่มควบคุมอื่นๆ บนพวงมาลัย ก็ปรับใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้นเช่นกัน 

ระบบปรับอากาศเปลี่ยนเป็นแบบ Thermotronic Automatic Climate System และเพิ่มช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ได้มีช่องแอร์ส่วนตัวใช้งาน น่าจะถูกใจคนใช้งานในเมืองร้อนแบบบ้านเรามากขึ้น 

GLA 200 AMG Dynamic ยังเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ MBUX7 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ขณะที่รุ่นเดิมเป็น MBUX6 

เวอร์ชันใหม่รองรับ 27 ภาษา และมีภาษาไทยด้วย ขณะที่ MBUX6 เดิมนั้น มี 7 ภาษา และไม่รองรับภาษาไทย 

นอกจากนี้ก็ยังเพิ่ม Fingerprint เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ด้วยการเซ็ตค่าต่างๆ บันทึก และเรียกใช้ผ่านปลายนิ้ว 

และรองรับการสั่งซื้อแอปพลิเคชั่นสำหรับรายงานสภาพการจราจรแบบออนไลน์ Live Traffic Information ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สำหรับบริการ Mercedes me connect

ขณะที่การเชื่อมต่อทั้งแอปเปิ้ล คาร์เพลย์  และแอนดรอยด์ ออโต้ เพิ่มความสะดวกมากขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สาย หรือ wireless จากที่แต่เดิมต้องเชื่อมต่อผ่านสายเคเบิลเท่านั้น

เบนซ์ \'GLA 200 AMG Dynamic\' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

ส่วนออปชั่นอื่นๆ ก็ยังมีอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร หรือ แอมเบียนท์ไลท์ 64 เฉดสี หรือระบบช่วยเหลือขับขี่ ระบบความปลอดภัย ADAS ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรก ระบบเตือนจุดอับสายตา 

ระบบช่วยเบรก ไบลด์สปอต เตือนการออก ช่วยจอด ระบบช่วยจอด เป็นต้น 

เครื่องยนต์ยังเป็นตัวเดิมครับ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาดกะทัดรัด 1,332 ซีซี แต่ได้เทอร์โบคู่ช่วยรีดสมรรถนะออกมาไม่น้อย

  • กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที
  • แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที

ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G Tronic พร้อมแพดเดิล ชิฟท์ 

เครื่องยนต์ตัวนี้ รองรับเชื้อเพลิง E85 ได้ แต่ใครจะเติมหรือไม่นั้น ในความเป็นจริง ผมว่าไม่น่าจะมี ทั้งจากความเชื่อ และราคาที่เดี๋ยวนี้ไม่น่าคบหาเท่าไรไม่เหมือนเมื่อก่อน โดยราคาก็ไม่ได้แตกต่างจาก E 10 จนมีแรงจูงใจเพียงพอ 

 

เบนซ์ \'GLA 200 AMG Dynamic\' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

อาจจะมีคำถามว่าเครื่องยนต์ตัวเล็กๆ แต่ว่าแรงม้าแรงบิดค่อนข้างสูง การขับขี่จะต้องเค้นกำลังมากน้อยแค่ไหน เพื่อตอบสนองการใช้งาน หรือว่าจะแผ่วปลายไหม 

ก็ตอบได้เลยครับว่าไม่แผ่ว การไล่ความเร็วเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องไม่มีจังหวะสะดุด แต่ว่าจังหวะที่เปลรี่ยนความเร็วกะทันหัน เพื่อเพิ่มความเร็วแบบเร่งด่วน ก็มีให้รู้สึกได้บ้างว่าต้องเค้นกำลังเครื่องยนต์ มีเสียงคำรามให้ได้รับรู้ แต่เมื่อความเร็วเริ่มเปลี่ยนไป ก็จะนุ่มนวล ลื่นไหล

และการทำงานของแรงบิดที่รอบกว้าง ก็ช่วยเพิ่มจุดเด่นในช่วงการต้องการกำลังเป็นพิเศษ เช่น เร่งแซง การไล่ความเร็ว รวมถึงการขับขี่ในเมืองหรือเส้นทางที่การจราจรหนาแน่น  เพราะการเรียกกำลังที่เร็วทำให้มีความคล่องตัวสูง 

ส่วนความเร็วสูงสุดของรถคันนี้ทำได้ 210 กม./ชม. ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ตามสเปคระบุ 8.7 วินาที ก็ถือว่าค่อนข้างเร็ว

เบนซ์ \'GLA 200 AMG Dynamic\' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

แม้จะเป็นรถในรูปแบบเอสยวี มีความสูง แต่การออกแบบโครงสร้างหลักนั้น พยามยามทำให้พื้นต่ำที่สุด เพื่อให้มีศูนย์ถ่วงต่ำ บวกกับการเซ็ทช่วงล่าง ทำให้เป็นรถที่ยึดเกาะถนนดี จะทางตรง หรือว่าทางโค้ง ก็เข้าออกได้มั่นใจด้วยความเร็วพอควร 

และช่วยได้มากกับการขับขี่ที่ต้องเปลี่ยนเลนไปมาอยู่ตลอดเวลา ความนิ่งของรถ  การโยนตัวของถังที่น้อย ทำให้ซอกแซกได้ดี ไม่มีอาการหน้าดื้อ ท้ายดิ้น และไม่โยกโยนจนผู้โดยสารหันมาค้อน 

พวงมาลัยก็มีผลไม่น้อยกับการขับขี่ในรูปแบบนี้ มีความแม่นยำสูง และมีน้ำหนักพอควร มีแรงหน่วงเล็กน้อย เมื่อหมุนพวงมาลัย ซึ่งช่วยได้ดีในการขับขี่ที่ต้องเปลี่ยนช่องทางไปมาบ่อยๆ ทำให้รู้สึกมั่นคง ไม่วอกแวก 

 

เบนซ์ \'GLA 200 AMG Dynamic\' Facelift เพิ่มออปชั่น ขับสนุกเหมือนเดิม

 

ตัวรถที่มีขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่โตนัก และยังมีความสูงมากกว่าเก๋ง ซีดานทำให้คนขับมองเห็นได้กว้างได้ไกล ช่วยให้มันมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น เหมาะมากครับสำหรับชีวิตคนเมือง

แล้วถ้าเดินทางไกล เหมาะไหม ก็ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานส่วนตัว หรือครอบครัวย่อมๆ สบายครับ เบาะหลังนั่ง 2 คน โปร่งๆ สบายๆ และถ้าจะนั่ง 3 ก็ได้เช่นกัน และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายอยู่พอควร และถ้าหากว่าไม่มีผู้โดยสารด้านหลัง เบาะหลักก็สามารถพับได้ เพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้อีกมาก

ส่วนการตอบสนองของเครื่องยนต์ในการเดินทางไกล ไม่มีปัญหาอะไร โดยรวมแล้วมันเป็นเอสยูวี เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตัวเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่โดดเข้าสู่ตลาดพรีเมียม เพราะราคาไม่แรงเกินไป และได้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่น่าพอใจ  และสนุกได้กับรถขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องเล็กๆ ครับ