ฮาวาล โจไลอ้อน สปอร์ต ช่วงล่างแน่น แรงพอตัว
"ฮาวาล โจไลอ้อน สปอร์ต" แบรนด์รถจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศจีน จัดโปรโมชันพิเศษถึงวันที่ 7 เม.ย. 67 ค่าตัวที่สามารถซื้อได้ในราคา 7.69 แสนบาท
ฮาวาล โจไลอ้อน สปอร์ต รถยนต์แบบ เอสยูวี ขนาดเล็ก ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าไทย เนื่องจากใช้งานได้หลากหลาย รองรับกับสภาพเส้นทาง หรือดินฟ้าอากาศได้ค่อนข้างดี โดยรถในกลุ่มนี้เป็นแบรนด์รถจากประเทศจีนอย่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีตัวทำตลาดอย่าง ฮาวาล โจไลอ้อน ที่เข้าสู่ตลาดช่วงปลายปี 2564 ซึ่งยุคนั้นมาพร้อมจุดขายเด่นคือ การใส่ออปชันเข้าไปจำนวนมาก แทบจะเหมือนรุ่นพี่อย่าง Haval H6 แต่เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ปีที่ผ่านมาเกรท วอลล์ เพิ่มรุ่นย่อยใหม่คือ SPORT ที่ปรับหน้าตาใหม่ ตกแต่งใหม่ และทำราคาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น 7.99 แสนบาท
ล่าสุด ค่าตัวอยู่ที่ราคา 7.69 แสนบาท เป็นโปรโมชันพิเศษ ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 นี้ โดยระบบเป็นแบบไฮบริด ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมกันสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ DHT และในส่วนของช่วงล่างด้านหน้าอิสระ MacPherson Strut ด้านหลัง Torsion Beam ระบบไฮบริด หากดูตัวเลขก็เห็นว่าค่อนข้างสูงสำหรับรถที่มีขนาดกะทัดรัด ตอบสนองได้ลื่นไหล จังหวะออกตัวและความเร็วช่วงเริ่มต้นอาจจะดูไม่ร้อนแรงนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าอืด และเมื่อรถเคลื่อนที่แล้ว จังหวะการปรับเปลี่ยนความเร็ว หรือเร่งความเร็วขึ้นไปสูงๆ ทำได้ดี จังหวะเร่งแซง แรงบิดเติมได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องเค้นกำลัง ยกเว้นถ้ากดคันเร่งหนักๆ แบบทันที หรือคิกดาวน์ ก็จะมีเสียงของเครื่องยนต์ให้ได้ยิน ดังนั้นการขับขี่ในเขตเมือง หรือถนน 2 เลนสวนทาง ทำให้รถมีความคล่องตัวที่น่าพอใจ
ครั้งนี้ ผมลองขับขี่ในเส้นทางแบบลัดเลาะไปเรื่อยๆ จากพระราม9 ออกมามอเตอร์เวย์ ตัดเข้าถนนเทพรัตน หรือบางนา-ตราดเก่า เข้าศรีนครินทร์ไปสมุทรปราการ เข้าสุขุมวิทสายเก่า มุ่งหน้าชลบุรี ก่อนจะลัดเลาะมาทางบางบ่อ ออกมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้ากลับพระราม9 ก็เป็นการขับขี่ที่ได้รับรู้เรื่องของความคล่องตัว ทัศนวิสัยที่โปร่ง ไม่อึดอัดเมื่ออยู่ท่ามกลางจราจรหนาแน่น หรือเมื่อต้องลัดเลาะในเส้นทางที่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย ขณะที่เรื่องอัตราสิ้นเปลืองก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เฉลี่ย 16 กม./ลิตร เรื่องการขับขี่ โจไลออน สปอร์ตมี 4 โหมดให้เลือก คือ Eco, Normal, Sport และ Snow
อีกทั้งมีระบบ Intelligent Single Pedal คุมการเร่งหรือชะลอตัวแป้นคันเร่งแป้นเดียวให้ใช้ แต่ผมไม่นิยมเท่าไรกับการขับบนถนนทั่วไป แต่ถ้าเป็นทางเขา ทางโค้ง ระบบนี้จะใช้งานได้ดี จุดเด่นอีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือ ช่วงล่างที่เซตออกมาได้ดี ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี แม้บางจังหวะจะมีอารมณ์กระด้างอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก โดยรวมถือว่าดูดซับได้ดี และจังหวะรีบาวด์เมื่อขึ้นลงคอสะพานมีน้อย ส่วนการทรงตัวโดยรวมดูดี รถนิ่งแม้จะอยู่ที่ความเร็วค่อนข้างสูง แค่การควบคุมยังทำได้ง่ายๆ กุมพวงมาลัยแบบหลวมๆ ไม่ต้องเกร็งและเมื่อผ่านทางโค้ง ถือว่าแม่นกับการเกาะกับแนวโค้ง อาการโยนตัวมีน้อย ส่วนพวงมาลัยก็แม่นยำใช้ได้ พวงมาลัยไฟฟ้าเลือกปรับน้ำหนักได้ จะเอาแบบเบามือเต็มที่ หรือจะแบบสบายๆ หรือหนักมือหน่อยก็เลือกได้ด้วยตัวเองผ่านหน้าจอแบบสัมผัส
แต่ถ้าหากว่าพวงมาลัยสามารถปรับใกล้-ไกล ได้ก็จะสะดวกยิ่งขึ้น เพราะที่ให้มาคือปรับได้ขึ้น-ลง เท่านั้น คล้ายๆ กับรถอีกหลายแบรนด์ในตลาดเดียวกัน แต่จะว่าไปการปรับตำแหน่งด้วยเบาะแบบไฟฟ้าก็ทำให้ขับได้ถนัดไม้ถนัดมือไม่ยาก ซึ่ง โจไลอ้อน สปอร์ต ให้เบาะปรับไฟฟ้าทั้งคู่ ฝั่งผู้ขับปรับ 6 ทิศทาง ผู้โดยสาร 4 ทิศทาง ส่วนเบรกเป็น Disc Brake 4 ล้อ
ขณะที่ห้องโดยสารถือว่า มีความกว้างใช้ได้สำหรับรถในตลาดนี้ เบาะนั่งแถวหลังยังมีพื้นที่ว่างช่วงเข่า หรือพื้นที่วางเท้าอยู่พอควร ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังนั่งได้ค่อนข้างสบาย รวมถึงมีช่องแอร์และช่องเชื่อมต่อยูเอสบีมาให้สำหรับผู้โดยสารด้านหลังด้วย และแน่นอนเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระให้มากขึ้น เมื่อดูถึงสมรรถนะ ความสามารถในการขับขี่ และออปชันต่างๆ ที่มีมา กับราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผมว่าคนที่ต้องการได้รถที่ขับง่าย ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ก็น่าจะต้องมองโจไลอ้อน สปอร์ต เป็นอีกตัวเปรียบเทียบในตลาดเอสยูวีเล็ก
ส่วนที่ 2 เพิ่มอารมณ์สปอร์ต เน้นสีดำภายนอก/ภายใน โจไลอ้อน สปอร์ต มีขนาดความยาวตัวถัง 4,472 มม. กว้าง 1,874 มม. สูง 1,626 มม. ระยะฐานล้อ 2,700 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 168 มม. การออกแบบ เน้นให้มีอารมณ์ตามชื่อรุ่น กระจังหน้าและช่องดักลมใช้ซี่แนวตั้งเป็นตัวคุมอารมณ์ และเป็นแบบ Black Symmetric สีดำล้วน โคมไฟหน้าเรียวเล็ก รูปทรงสามเหลี่ยมแบบคลี่คลาย โดยไฟหน้า ไฟขับขี่กลางวันเป็นแบบ LED ด้านท้าย Diffuser ก็ออกแบบให้มีเส้นสาย และรูปทรงที่คม ไฟท้ายไฟเบรกดวงที่สามเป็น LED เช่นกัน ล้ออัลลอยก็เน้นสปอร์ตด้วยสีดำ พร้อมยางขนาด 225/55 R18 กระจกมองข้าง ราวหลังคา สปอยเลอร์หลังสีดำ
รวมถึงเสาอากาศครีบฉลาม ก็ใช้สีดำ ภายในห้องโดยสาร ใช้สีดำเป็นหลัก ทั้งคอนโซลหน้า แผงข้างประตู หรือเบาะนั่งที่ใช้วัสดุหนังสังเคราะห์ ตัดด้วยเส้นสายและอุปกรณ์บางอย่างสีเงิน ส่วนออปชันหลักๆ มีจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth และ MP3 ลำโพง 6 ดอก หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว ปรับดูข้อมูลได้หลายรายการ รวมถึงแรงดันและอุณหภูมิลมยาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวาเกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้ากุญแจ Smart Key ระบบ Push Start
สำหรับระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ กล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง ถุงลมคู่หน้าและด้านข้าง ระบบติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินพร้อมการส่งตำแหน่ง ระบบช่วยขับลงทางลาดชันช่วยออกตัวบนทางชัน ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ไฟกะพริบเมื่อเบรกฉุกเฉิน ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 3 จุด เบรกมือไฟฟ้า และ Auto Break Hold ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล เป็นต้น