มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต เครื่องใหม่ 'ยูโร 5' ลดไอเสีย เติมความกระฉับเฉง'
มิตซูบิชิ เปิดตัวรถพีพีวี “ปาเจโร่ สปอร์ต” รุ่นปี 2024 ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลักๆ นอกจากการตกแต่งภายนอก ภายใน และออปชั่นแล้ว ก็ยังมีเครื่องยนต์ใหม่ และเกียร์ใหม่ และการผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 เป็นยูโร 5 แบบสมบูรณ์ในตัวเอง
สำหรับการปรับให้มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2024 ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 มาจากหลายส่วน ทั้งการเลือกเครื่องยนต์ที่เหมาะสม และก็ได้รหัส 4N16 มาใช้ (เดิม 4N15) และเกียร์ที่ต้องทำงานสัมพันธ์กัน
นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มาเป็น 6 สปีด
การปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์และเกียร์ โดยรวมๆ แล้ว 2 ส่วนนี้มีน้ำหนักเบาลง 15 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม แต่เมื่อรวมการปรับเปลี่ยนในส่วนอื่น หรือ ออปชัน ทำให้น้ำหนักรถโดยรวมมันเท่าเดิม หรือจะพูดว่า การลดน้ำหนักเครื่องยนต์กับเกียร์ ทำให้สามารถคุมน้ำหนักรถไม่ให้เพิ่มขึ้นได้
ในส่วนของตัวเครื่องยนต์ เพื่อให้ได้มาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 (Euro 5) มันผ่านการออกแบบใหม่ ใช้หัวฉีดใหม่ที่มีแรงดันสูง เพื่อให้ประสิทธิภาพการฉีดน้ำกมันเชื้อเพลิงดีขึ้นเพื่อให้เผาไหม้ได้ดีขึ้นรวมถึงการปรับห้องเผาไหม้ใหม่ และกล่อง ECU ใหม่
และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ การใส่ระบบที่เรียกว่า DPF หรือ Diesel Particulate Filter ซึ่งอุปกรณ์นี้มีหน้าที่ในการกรองเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ ทำให้ไอเสียสะอาดขึ้น
ซึ่งแน่นอนการกรองเขม่าตลอดเวลาอาจเกิดคำถามว่าแล้วมันจะตันไหม แล้วต้องแก้อย่างไร ประเด็นนี้ทีมวิศวกรมิตซูบิชิอธิบายว่าระบบ DPF สามารถทำความสะอาดตัวเองโดยใช้ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์มากำจัดเขม่าที่สะสมอยู่
แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่การทำความสะอาดไม่เพียงพอ ซึ่งมาจากบางสาเหตุ เช่น คุณภาพของน้ำมันไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้งานน้อยเกินไป ซึ่งสัญญาณ DPF จะเตือนขึ้นมา เรื่องนี้มิตซูบิชิแจ้งว่าให้หาทางใช้งาน.shได้ระยะทางเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ความร้อนที่เกิดขึ้นจะช่วยให้กำจัดเขม่าหมดไป แต่ถ้าผิดปกติจริงๆ เช่น มีสัญญาณเตือนทั้ง DPF และไฟเครื่องโชว์ ก็นำรถเข้าศูนย์บริการดีที่สุด
มิตซูบิชิย้ำว่านี่เป็นเพียงการยกตัวอย่าง เพราะโอกาสที่จะเกิดแบบนี้ ยืนยันว่า เป็นไปได้ยากครับ
ทีนี้มามาลองดูกันครับว่าในด้านการใช้งานจริง เครื่องยนต์ ยูโร 5 กับเกียร์ใหม่ ขับขี่เป็นอย่างไรบ้างกับรุ่นย่อยตัวท็อป Elite Edition 4WD
ก่อนอื่นมาดูถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในส่วนของตัวถังภายในอก ภายใน สำหรับคันนี้กับโฉมเดิม เช่นกระจังหน้าใหม่แบบรังผึ้ง แผงกันชนหน้าและหลังใหม่ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายใหม่ กระจกมองข้าง มือจับประตูสีดำเงา Gloss Black
ผ้าบุหลังคาสีดำ วัสดุตกแต่งภายในไทเทเนียมสีรมดำ Dark Titanium พวงมาลัยใหม่ เบาะนั่งใหม่สีดำ-แดง Burgundy ลาย Diamond Cut แบบ Heat Guard ที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน โดยเบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง และด้านผู้ขับขี่มีระบบดันหลังมาให้ ซึ่งดีครับ เป็นเหมือนไฟน์จูนสำหรับร่างกายแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน หรือความต้องการที่ต่างกัน
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นรูปแบบใหม่เพิ่มความสปอร์ต และมีแพดเดิลชิฟท์สำหรับปรับเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองจอแสดงผลการขับขี่แบบใหม่ Full Digital ขนาด 8 นิ้ว เครื่องเสียงพร้อมลำโพง 8 ดอก พร้อมพาวเวอร์แอมป์
และสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมีจอขนาด 12.1 นิ้ว ติดตั้งบนเพดาน ซึ่งเป็นออปชั่นที่มีไม่มี่ค่ายในตลาดพีพีวีที่มีให้ หลายคนอาจมองว่ายุคปัจจุบันแทบทุกคนมีมือถือส่วนตัว แต่ผมว่ามอนิเตอร์ใหญ่ๆ น่าจะม่ีผลดีต่อสายตาหรือเด็กน้อยเมื่อต้องเดินทางมากกว่าครับ และยังมีหูฟังอินฟราเรด
ส่วนออปชั่นต่างๆ ในโฉมปี 2024 หลักๆ เช่น
- ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว
- ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
- กล้องมองภาพรอบคัน
- ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด
- ระบบเตือนจุดอับสายตา สัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน
- ระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ
- ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง
- ระบบควบคุมรถผ่านสมาร์ทโฟน
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
- เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold
- ช่องจ่ายไฟ AC 220V
- ช่องเชื่อมต่อยูเอสบีทั้งด้านหน้าและหลัง
- ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เป็นต้น
เครื่องยนต์ใหม่ ไฮเปอร์ พาวเวอร์ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,250-2,500 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งเดิมเป็นเกียร์ 8 สปีด
ถ้าเทียบกับตัวเดิมกำลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3 แรงม้า ซึ่งไม่เห็นผลความแตกต่างมากนัก ส่วนแรงบิดเท่าเดิม แต่เห็นผลที่ต่างออกไปจากตัวเดิม เพราะทำงานที่รอบต่ำกว่า ทำให้รถมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้น จังหวะการเร่งแซงทำได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงจังหวะเปลี่ยนความเร็วไปมาบ่อยๆ ในสภาพจราจรที่จำเป็น ทำให้ขับขี่ได้คล่องตัวและสนุกยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อต้องขับในเส้นทางโค้งทางเขา เมื่อผ่อนความเร็วหรือเบรกก่อนเข้าโค้ง จังหวะออกจากโค้งทำได้เร็วขึ้น แตะคันเร่งเบาๆ ไม่ต้องเค้นมาก ก็เติมความเร็วได้พอ ช่วยให้การเดินทางลื่นไหลมากขึ้น
อ้อ เส้นทางการขับครั้งนี้เราลงใต้ครับ ย่านนครศรีธรรมราช ปลายทางทะเลขนอม ซึ่งนอกจากมีทางโค้ง ทางเขาแล้ว ยังมีทางเล็กๆ ที่ต้องอาศัยจังหวะการแซงรถคันอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง
ส่วนช่วงการขับขี่บนทางหลวงโล่งๆ ได้ลองไล่ความเร็ว ช่วงเริ่มต้น ช่วงความเร็วต่ำมีจังหวะการเค้นกำลังบ้างเล็กน้อย ไม่มากนัก แต่จากนั้นตั้งแต่ความเร็วกลางๆ ขึ้นไปถึงความเร็วสูงๆ มาได้ต่อเนื่องลื่นไหล ส่วนการขับขี่ขึ้นเนินลงเนินกำลังเครื่องยนต์เหลือๆ
จังหวะการทำงานของเกียร์ลื่นไหลไม่สะดุด ความเนียนในการเชื่อมต่อเกียร์ดี ถ้าจะต่างจากเกียร์ 8 สปีด ก็มีให้รู้สึกบ้างเล็กน้อย โดย 8 สปีดที่ดูลื่นไหลกว่า แต่ถ้าพูดถึงภาพรวม ความแตกต่างไม่มีนัยยะอะไรมากนัก
ช่วงล่าง ปาเจโร่ สปอร์ต ทำได้ดีมาก่อนหน้านี้แล้วครับ อาจะมีจังหวะโยก จังหวะโยนบ้างในช่วงขับขี่ทางโค้งก็เป็นธรรมดาของรถประเภทนี้ที่มีความสูงของตัวถังเพื่อรองรับการขับขี่เส้นทางนอกถนน หรือทางออฟโรด แต่ไม่เป็นปัญหากับการขับขี่บนทางเรียบแบบนี้ สามารถขับขี่โดยรีดอารมณ์สปอร์ตได้สนุกพอ
ส่วนการขับขี่ในนอกถนน เอาไว้มีโอกาสแล้วค่อยมาเล่าสู่กันฟังครับ
สิ่งหนึ่งที่ช่วยที่ช่วยให้การขับขี่ ปาเจโร่ สปอร์ต ทำได้ดี ก็คือ พวงมาลัยที่ยังเป็นแบบไฮดรอลิค แม้จะมีระยะฟรีอยู่บ้างก็แค่เล็กน้อย
แต่โดยรวมเซ็ทมาค่อนข้างดี ทั้งเรื่องของความแม่นยำ และน้ำหนัก ควบคุมได้กระชับมือ
จังหวะเบรกทั้งหนัก เบา ให้อารมณ์ที่ดี จังหวะหน้ายุบท้ายยกมีน้อย การทรงตัวก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้ขับขี่ไม่เหนื่อย
ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะกลางก็กว้างขวาง และโปร่งโล่ง นั่งเดินทางไกลๆ ยาวๆ สบาย ส่วนเบาะแถวที่ 3 ก็นั่งได้ครับ พื้นที่กว้างขวางใช้ได้ แต่ครั้งนี้ผมลองนั่งแค่เล็กน้อย ไม่ได้ลองนั่งกันยาวๆ
การเก็บเสียงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ด้านหน้าเสียงลมปะทะ เสียงเครื่องยนต์ หรือเสียงล้อ ไม่มาก ถือว่าเก็บเสียงได้ดี แต่ถ้านั่งด้านหลังจะได้ยินเสียงล้อหลังเข้ามามากกว่านั่งที่เบาะหน้า แต่โดยรวมไม่ถึงกับทำให้เกิดความรำคาญ
ส่วนการขับขี่ตลอดทาง ก็ใช้ 2H ส่วนโหมดอื่นๆ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ เอาไว้ให้ลองในเส้นทางที่หลากหลาย คงจะได้ลองจุดเด่นอีกสิ่งหนึ่งของมิตซํูบิชิ คือ Super Select 4WD 2 ที่มีโหมดทั้ง 4H,4HLC และ 4LLC ให้ใช้งานครับ