ยอดจอง ZEEKR – XPENG เฉียด 600 คัน เตรียมผุดโชว์รูมไตรมาส 3

สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มกลุ่มบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่าหลังจาก  ZEEKR (ซีเกอร์) และ XPENG (เอ็กซ์เผิง) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) เปิดให้ลูกค้าจองสิทธิ์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา พบได้รับการตอบรับที่ดีกว่าที่คาดการณ์

โดยขณะนี้มียอดจอง เอ็กซ์เผิง และซีเกอร์ รอส่งมอบ 586 คัน แบ่งเป็น เอ็กซ์เผิง 188 คัน และซีเกอร์ 398 คัน โดยจะสามารถเริ่มต้นส่งมอบได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ 

ส่วนการเตรียมความพร้อมด้านการตลาด เตรียมเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างเป็นทางการบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ศรีนครินทร์ วิภาวดีรังสิต 

โดย XPENG ซึ่งดำเนินธุรกิจโดย บริษัท เอ็กซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว มีผู้สนใจสมัครเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือดีลเลอร์จำนวนมาก ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดหลักๆ โดยเตรียมโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรแห่งแรกการบนถนนรามคำแหง

ด้าน ZEEKR ซึ่งบริษัทและพันธมิตรเป็นดีลเลอร์จะเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรบนถนนวิภาวดีรังสิต และถนนศรีนครินทร์ ในช่วงต้นไตรมาส 3 ปีนี้ 

นอกจากนี้ MGC-ASIA เตรียมความพร้อมด้านบริการหลังการขายและซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า  บริการซ่อมสีและตัวถัง  พราะอีวี มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น และเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความสามารถสร้างอัตรากำไรที่สูง และสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กลุ่มบริษัท

นอกจากนี้ ได้มีการร่วมทุนกับพันธมิตร กลุ่ม อรุณพลัส ในเครือ ปตท. สำหรับขยายธุรกิจและบริการด้านรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต เช่น ธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจบริการหลังการขาย และซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า มุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร

สัณหวุฒิ ระบุว่า “MGC-ASIA ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ MGC-ASIA ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ผ่านการขยายฐานสินค้าและบริการ พร้อมเพิ่มแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในพอร์ตธุรกิจค้าปลีกยานยนต์  รับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า

“ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าพัฒนาอย่างรวดเร็ว และแข่งกันด้วยเทคโนโลยีที่เหนือระดับ จะเข้ามาช่วยตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบันให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น MGC-ASIA เล็งเห็นถึงเทรนด์ที่กำลังเปลี่ยนไปสู่ จึงเลือกเพิ่มแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาในพอร์ต”

ส่วนผลการดำเนินงานของกลุ่มในช่วงไตรมาส 1/2567 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 4,523 ล้านบาท ขณะที่ผลกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)  351 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

โดยเหตุผลหลักมาจากการลดลงของรายได้ในกลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า 

รวมทั้งในไตรมาสแรกของปีเป็นช่วง Low Season เนื่องจากลูกค้ารอโปรโมชั่น และจองรถภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์