Kia Sorento PHEV เอสยูวี แรง แน่น แม่นยำ นั่งสบาย เบาะแถว 3 พอไหว
เกีย โซเรนโต (KIA Sorento) รถเอสยูวีขนาดใหญ่เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สำคัญทีเ่กียคาดหวังกับตลาดไม่น้อย โดยมี 2 ตัวเลือก คือ Premium HEV และ Premium Plus PHEV วันนี้ไปดูกันว่า PHEV น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน
เกีย ตัดสินใจเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเองช่วงต้นปี 2567 ที่่ผ่านมา แทนตัวแทนเดิมที่เป็นกลุ่มธุรกิจของไทย พร้อมกับตั้งเป้าหมายการตลาดและแนวทางการทำงานไว้หลายอย่างด้วยกัน รวมถึงการมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลาย ซึ่งปัจจุบันก็มีตัวเลือกเทคโนโลยีทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน ลูกผสมออย่างไฮบริดและพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี
เกีย โซเรนโต (KIA Sorento) รถเอสยูวีขนาดใหญ่เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สำคัญทีเ่กียคาดหวังกับตลาดไม่น้อย โดยมี 2 ตัวเลือก คือ
- Premium HEV ขุมพลังไฮบริด 7 ที่นั่ง ขับเคลื่อนล้อหน้า ค่าตัว 1,959,000 บาท
- Premium Plus PHEV 6 ที่นั่ง ขับเคลื่อน 4 ล้อ และเป็นลูกผสมแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด ราคา 2,099,000 บาท ซึ่งวันนี้ผมอยู่กับ PHEV
เป็น PHEV ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ ระยะทางสูงสุด 66.3 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง (ชาร์จได้เฉพาะ AC) ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. แต่การลองใช้งานจริงผมได้ประมาณ 45 กม.
ส่วนการขับขี่นั้นมีโหมดให้เลือกว่าจะใช้ EV หรือ HEV (ไฮบริด) แต่ถ้าไฟในแบตเตอรีไม่สามารถรองรับการขับขี่โหมด EV ได้ สัญลักษณ์จะโชว์ขึ้นมาว่า 0 กม. แต่จริงๆ แล้วเมื่อเลือกเข้าไปดูการทำงานที่หน้าจอ จะพบว่ายังมีความจุเหลืออยู่ แต่ระบบไม่ยินยอมให้ใช้ EV ล้วนๆ แต่จะเก็บพลังงานไว้สำหรับการใช้งานโหมดไฮบริดแทน
ขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นแบบ All Wheel Drive ระบบจะเลือกให้เองว่าจะส่งกำลังไปยังล้อแต่ล้ออย่างไร ซึ่งการขับบนถนนเรียบทั่วไป เมื่อเปิดดูการทำงานจะพบว่าส่วนใหญ่จะส่งไปทั้ง 4 ล้อเป็นหลัก มีน้อยจังหวะมากที่ส่งไปแค่ 2 ล้อหน้า แต่การส่งไป 4 ล้อ ส่วนใหญ่จะเป็นการส่งกำลังไปที่ล้อหน้ามากกว่า ล้อหลังเหมือนเป็นตัวช่วยในบางช่วงเวลา เช่น ออกตัว หรือว่าจังหวะการเร่งแซง
แต่ถ้าไปลองขับในโหมดอื่นที่มาให้ เช่น Snow, Sand หรือว่า Mud ก็คงจะได้เห็นการส่งกำลังที่ล้อหลังมากกว่านี้
แต่เมื่อพูดถึงขุมพลังโดยรวม ถือว่าทำได้ดีครับ เครื่องยนต์ตัวเล็กๆ ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ก็ให้กำลังค่อนข้างสูง ที่ 180 แรงม้า เมื่อรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ยิ่งทำให้มันมีความกระฉับกระเฉงขึ้นมาก
เป็นรถขนาดใหญ่ที่ออกตัว และเพิ่มความเร็วได้รวดเร็ว ให้อารมณ์สปอร์ต และความสบายใจในการขับขี่ในเส้นทางเล็กๆ ที่ต้องอาศัยจังหวะในการแซง
ส่วนโหมดขับขี่มี อีโค, สปอร์ต และ สมาร์ท ที่สามารถปรับตั้งค่าต่างๆด้วยตัวเอง ซึ่งหลักๆ ผมเลือกใช้สมาร์ท ซึ่งก็ขับขี่ได้สนุกเพียงพอแล้ว แต่ถ้าใช้โหมดสปอร์ตก็จะรับรู้ได้ถึงการตอบสนองที่เร็วขึ้นชัดเจนเช่นกันครับ
ช่วงล่างโดยรวมถือว่าจัดการกับถนนหนทางในไทยได้ดี การดูดซับแรงสั่นสะเทือนช่วยให้ผู้โดยสารนั่งได้สบาย ขณะที่สำหรับผู้ขับ ช่วงล่างจัดการกับการยึดเกาะถนน การเข้า-ออกโค้ง การเปลี่ยนช่องทางไปมา ไว้ใจได้ ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยสำหรับรถที่มีขนาดใหญ่ และมีความสูงใต้ท้องรถพอควร คือ 174 มม.
โดยระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังมัลติลิงค์ ส่วนยางใช้ขนาด 235/55 R19
ผมว่าอารมณ์มันคล้ายๆ กับรถยุโรปอยู่เหมือนครับ รวมถึงพวงมาลัยทั้งการจับได้กระชับมือและมีน้ำหนักและความแม่นยำที่ดี
เกีย โซเรนโตมีตัวช่วยการขับขี่ อย่าง ADAS ซึ่งรวมหลากหลายระบบ เช่น ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน จนถึงจุดหยุดนิ่ง และออกตัวใหม่หากไม่หยุดนานเกินไป หรือ Stop&Go แต่ถ้าหยุดนานๆ จะมีระบบเตือนผู้ขับให้เริ่มออกตัวด้วยตัวเองก่อน
ระบบป้องกันการชนด้านหน้า พร้อมระบบช่วยตรวจสอบการเลี้ยวในทางแยกที่จะตรวจจับทั้งรถ คน หรือจักรยาน ระบบป้องกันการชนขณะถอยหลัง ระบบป้องกันกาiชนจากมุมอับสายตา กล้องมองภาพรอบทิศทาง ซึ่งมีระบบที่จะทำงานเองอัตโนมัติสำหรับมุมอับสายตา เช่น เมื่อขับเข้าในเขตชุมชนหรือพลุกพล่าน
ระบบข่วยปรับไฟสูง ระบบช่วยเหลือเพื่อความปลอดภัยเมื่อลงจากรถ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยุู่ในช่องจราจร ซึ่งผมว่าทำงานได้ค่อนข้างแม่นยำ และเนียนดีครับ ซึ่งผมลองใช้งานบนถนนพระราม 2 มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ที่รถหนาแน่นหลายช่วง ก็เลยใช้ให้ระบบทำหน้าที่แทน โดยผมก็แค่ใช้มือจับพวงมาลัยไว้หลวมๆ
ส่วนการเลี้ยว การเพิ่มความเร็ว การลดความเร็ว หรือ เบรก เป็นหน้าที่ของรถยนต์ ช่วยให้หายเมื่อยไปได้มากทีเดียว แม้จะถูกรถแทรกเข้ามาด้านหน้าบ้างก็ปล่อยเขาไป และก็ปลอดภัยครับ เพราะเป็นการเดินทางที่ความเร็วไม่สูง
ครับผมชอบใช้ระบบพวกนี้ในสภาพจราจรแบบนี้ แต่ถ้าเป็นการขับที่ความเร็ว หรือรถค่อนข้างโล่ง ผมขับด้วยตัวเองครับ
เกีย โซเรนโต ถือเป็นรถที่ออกแบบได้น่าดูไม่น้อย รูปทรงดูสปอร์ต พรีเมียม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านหน้ากับลูกเล่นจากรูปทรงกระจังหน้า ไฟหน้า ขณะที่ด้านท้ายเลือกใช้แบบแนวตั้ง ดูแปลกตา พร้อมเพิ่มความสะดวกด้วยฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และระบบอัตโนมัติหากมีกุญแจที่ตัวแล้วยืนท้ายรถสักพักมันก็จะเปิดให้เอง เพื่อความสะดวกในการขนสัมภาระขึ้น-ลง
เมื่อเปิดฝาท้ายแล้วต้องการเพิ่มพื้นที่บรรทุกของสามารถดึงสายหลังเบาะแถวที่ 3 เพื่อพับลงได้ทันที และพับได้แบบราบ และหากไม่พอ จะพับเบาะแถว 2 ก็มีสวิทช์ที่ข้างตัวถังให้กดพับได้ทันที ไม่ต้องปีนขึ้นไป หรือเดินอ้อมไปประหลังด้านหลังเพื่อพับแต่อย่างใด
พูดถึงเบาะนั่ง เบาะนั่งแถวที่ 3 ผู้ใหญ่นั่งได้ครับ แต่ไม่สบายนักถ้าหากเดินทางไกลๆ โดยพื้นที่ส่วนก้น หลัง สบาย เพราะเบาะกว้างใช้ได้ แต่นั่งแล้วเข่าชันเกินไป ดังนั้นถ้าเป็นเด็กน่าจะไม่มีปัญหา หรือผู้ใหญ่นั่งแค่คนเดียว ก็พอไหว ขยับแข้งไปมาซ้าย ขวา หรือ ถ้านั่งแล้วสลับกันกับแถว 2 เป็นระยะๆ ก็ได้ ซึ่งก็สามารถสลับที่ได้โดยไม่ต้องลงจากรถ เพราะเบาะแถวที่ 2 เป็นแบบ 2 ที่นั่งที่เดินทะลุเข้าไปยังแถวที่ 3 ได้ แต่อย่างน้อยก็ควรจอดรถให้นิ่งก่อนสลับดีกว่าครับ
ส่วนเบาะคู่หน้านั้นกว้างขวาง เบาะผู้ขับปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และยังมีระบบอุ่นเบาะและระบบเพิ่มความเย็นในเบาะคู่หน้าให้ด้วย และสำหรับผู้ขับมีระบบอุ่นพวงมาลัยมาให้ แต่ในบ้านเราคงไม่ค่อยได้ใช้กัน ต่อให้เป็นฤดูหนาวก็ตาม ยกเว้นคนขับจะขี้หนาวจริงๆ
พูดถึงเบาะนั่งแถว 3 สำหรับรถที่มีความใกล้เคียงกันขณะนี้คงต้องมองไปที่มาสด้า CX-8 ซึ่งเบาะนั่งแถว 2 ของโซเรนโตดูเหมือนจะนั่งได้สบายกว่า แต่ถ้าแถว 3 ต้องยกให้มาสด้าที่ทำออกมาได้ดี ผู้ใหญ่นั่งได้ เดินทางไกลได้ โดยมิติตัวรถนั้นมาสด้ายาวกว่า 9 ซม. แคบกว่า 6 ซม. สูงกว่า 3 ซม. และที่สำคัญคือระยะฐานล้อที่มาสด้ายาวกว่า 11 ซม.
ส่วนความสะดวกสำหรับผู้โดยสารมีช่องระบายลมสำหรับที่นั่งแถว 2 ส่วนแถวที่ 3 สามารถเลือกปรับระบบความแรงลมได้ด้วย และมีช่องเชื่อมต่อยูเอสบีทั้ง 3 แถว แต่ทั้งหมดเป็น ไทป์ เอ
มีช่องเก็บของ วางแก้ววางขวดทุกแถว และมีตัวดันให้กระชับ ทำให้ไม่สั่นคลอนเกิดเสียงรำคาญ
ห้องโดยสารกว้างขวางครับ เพิ่มความโปร่งโล่งด้วยหลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ ส่วนการออกแบบโดยรวม ผมชอบนะ ดูเรียบๆ ง่ายๆ คอนโซลหน้ามีลูกเล่นพองาม ไม่รก และใช้เส้นสายแนวยาว ช่วยให้รถที่กว้างอยู่แล้วดูกว้างขึ้นไปอีก
มอนิเตอร์กลางแม้จะดูธรรมดาๆ ในยุคอีวีเบ่งบาน แต่ก็ดูสบายตา และใช้งาานง่าย แม่นยำ ส่วนจอแสดงข้อมูลการขับขี่ เห็นชัดเจน และแสดงภาพด้านข้างเมื่อเปิดไฟเลี้ยวทั้งด้านซ้าย และด้านขวา
โดยรวมสำหรับตัวรถ ก็น่าสนใจครับ สำหรับการใช้งานในครอบครัว หรือใช้งานในชีวิตประจำวัน ไป-กลับที่ทำงาน ก็ได้เช่นกัน จะขับเอง หรือว่ามีพนักงานขับรถแล้วไปนั่งสบายๆ ที่เบาะนั่งแถว 2 พร้อมฟังเพลงจากลำโพง โบส 10 ดอกเพลินๆ ก็ได้ครับ