เปิดสเปค MG3 HYBRID+ แรงสุด B-Segment วิ่งไกล 800 กม. ก่อนเปิดตัว ส.ค.
เอ็มจี เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ "MG3 HYBRID+" มาพร้อมระบบไฮบริดที่รองรับการขับขี่ระยทางสูงสุดกว่า 800 กิโลเมตร ต่อน้้ำมัน 1 ถัง และก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนสิงหาคม ไปดูกันว่าสเปคของรถรุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
เอ็มจีเคยทำตลาด MG3 ในตลาดประเทศไทยเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจาก MG เป็นรถขนาดเล็กเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ก่อนที่จะค่อยๆ เฟดออกจากตลาดไป แต่การกลับมาครั้งนี้ MG3 มาพร้อมกับแนวคิดใหม่ เป็นรถกลุ่มพลังงานทางเลือก ด้วยการนำระบบไฮบริดเข้ามาใช้ และเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเวทีโลกงาน เจนีวา ออโตโชว์ สวิตเซอร์แลนด์ ช่วงต้นปี 2567
MG3 HYBRID+ เป็นรถในกลุ่ม B-segment ที่บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ระบุว่าเป็นโกลบอลโมเดลรุ่นที่ 2 และผลิตที่โรงงานในประเทศไทย มีเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ ชูจุดเด่นรถยนต์พลังงานทางเลือกที่แตกต่าง
เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (75 กิโลวัตต์) รองรับเชื้อเพลิง E20 และมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์)
ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 194 แรงม้า (143 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ซึ่งถือว่าแรงที่สุดในกลุ่ม B-Segment
- อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 8 วินาที
- อัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 5 วินาที
- รองรับการขับขี่สูงสุดกว่า 800 กิโลเมตร ต่อน้ำมัน 1 ถัง
แบตเตอรีแบบลิเธียมไอออน รูปแบบ Cell-To-Pack ความจุ 1.83 kWh ซึ่งมีความจุมากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน
โหมดการขับขี่มี 3 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT
ระบบส่งกำลัง Hybrid Transmission ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้าแบบ E-AT 3 อัตราทดเกียร์ ปรับการทำงานแบบอัตโนมัติ
ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย ส่วนรัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร
ส่วนขนาดตัวถัง MG3 HYBRID+ มีความยาว 4,113 มม. กว้าง 1,797 มม. สูง 1,502 มม. ระยะฐานล้อ 2,570 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มม.
ส่วนออปชั่นหลักๆ ภายนอกที่มีมาให้ประกอบด้วย
- ไฟหน้า LED พร้อมระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ
- ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สาม
- ไฟตัดหมอกหลัง
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่กลางวัน (Daytime Running Lights)
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พับอัตโนมัติ พร้อมไฟเลี้ยว
- ที่ปัดน้ำฝนด้านหน้าอัตโนมัติ ใบปัดน้ำฝนด้านหลัง
- ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ คุมโทนด้วยด้วยสีทูโทนขาวสลับดำ โดยเอ็มจีระบุว่า MG3 HYBRID+ เป็นรถที่กว้างที่สุดในคลาสเดียวกัน โดยเฉพาะห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายที่จุ 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลงเพิ่มพื้นที่เป็น 1,037 ลิตร
ส่วนออปชั่นหลักๆ เช่น
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
- กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down ด้านผู้ขับ
- หน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi – Function Display) และหน้าจอสี
- ระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว
- ลำโพง 6 ดอก
- ช่องใส่ของภายในห้องโดยสาร 25 จุด
- เบาะผู้ขับปรับ 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
- ที่พักแขนด้านหน้า เบาะนั่งด้านหลังพับได้
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- รองรับระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
- ระบบกุญแจรีโมท (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
- ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล
- ระบบกรองอากาศ PM 2.5
ด้านการขับขี่และความปลอดภัย
- ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
- ช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
- ช่วงล่างหลัง Torsion Beam
- ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน ดิสก์เบรกหลัง
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบความปลอดภัย ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
- ระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System)
- เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- Auto Vehicle Hold
- เบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ UDW (Unsteady Driving Warning)
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ICA (Intelligent Cruise Assist)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม
- กล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
- ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
- สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
- ระบบไฟส่องนำทางหลังดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)