นิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ สกาย อีดิชั่น เติมความเข้ม ขับสนุก ช่วงล่างแน่น
นิสสัน คิกส์ หนึ่งในรถตัวหลักของนิสสัน มีจุดขายเรื่องของ อี-เพาเวอร์ (e-Power) ที่ช่วยให้ขับได้สนุกจากการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน 100% แต่ปัจจุบันการแข่งขันรุนแรง รวมถึงการเข้ามาของ อีวี ล่าสุดนิสสัน ผลิตรุ่นพิเศษ สกาย อีดิชั่น จำนวนจำกัด เพื่อกระตุ้นตลาด
ในยุคนี้ที่ดูเหมือนว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี จะชะลอความร้อนแรงลง ส่วนหนึ่งคือผู้ที่มีความพร้อมเต็มที่ในการหันไปคบหา อีวี แบบไม่อิดออด หรือ กลุ่มที่เรียกว่า เออร์ลี่ อด็อพเตอร์ น่าจะมีจำนวนลดลงไปพอควรเพราะซื้อไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือกลุ่มที่ยังไมีรีบร้อน หรือ ลังเล บวกกับผู้ที่ยังชั่งใจว่าจริงๆ แล้วรถในกลุ่มเดิมๆ อาจจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเองมากกว่า
เป็นไปได้ทั้งนั้น และหนึ่งในกลุ่มรถที่ดูกระแสความนิยิมเพิ่มขึ้นคือ ลูกผสม ที่รวมข้อดีไว้หลายอย่าง คือ ประหยัด สมรรถนะ (จากมอเตอร์ไฟฟ้า เหมือนอีวี) และความสะดวกในการใช้งาน
รถอย่างนิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ (Nissan Kicks e-Power) ก็ถือว่าเป็นไฮบริดรูปแบบหนึ่ง ที่เรียกว่า “ซีรีส์ ไฮบริด” มีหลักการทำงานที่เป็นจัดเด่น คือ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ขณะที่เครื่องยนต์ตัวเล็กๆ มีไว้สำหรับสร้างกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า และเก็บไว้ในแบตเตอรี
ซึ่งแนวทางการใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนหลักๆ เริ่มเห็นมากขึ้นในกลุ่มไฮบริด เพราะมีสมรรถนะที่ดีกว่าเครื่องยนต์ และตอบสนองได้เร็วกว่า ที่สำคัญคืออัตราการสูญเสียพลังงานระหว่างทาง (loss) น้อยกว่าการใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนล้อโดยตรง
นอกจากนี้ อี-เพาเวอร์ ของคิกส์ ซึ่งปรับมาใช้เจเนอเรชั่น 2 ก็ตอบสนองการใช้งาานที่ดีขึ้นขึ้นเยอะ
อี-เพาเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2 สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การรวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า หรือ Inverter กับมอเตอร์ไฟฟ้าไว้เป็นยูนิตเดียวกันทำให้ Inverter มีขนาดเล็กลง 40% และแน่นอนน้ำหนักลดลง 30%
พร้อมกับปรับเพิ่มความจุแบตเตอรีจาก 1.57 kWh เป็น 2.06 kWh ทำให้การตอบสนองความต้องการของมอเตอร์ไฟฟ้าดีขึ้น การทำงานลื่นไหลขึ้น มีผลต่อการขับขี่ และยังสามารถใช้งานโหมด EV ได้ไกลขึ้น
ครับ คิกส์ อี-เพาเวอร์ เลือกโหมดขับขี่ได้ทั้ง Eco, Normal. Sport และ EV
ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า ก็เพิ่มกำลังเป็น 136 แรงม้า จากเจเนอเรชั่นแรก 129 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร จากเดิม 260 นิวตันเมตร
ส่วนตัวเครื่องยนต์ก็ยังคงเป็นตัวเล็กๆ ตัวเดิม เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร
ส่วนถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ก็ใส่มาไม่น้อย นิสสันเรียกว่า Nissan 360 ํ Safety Shield ประกอบด้วย การแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงกว่า 70 กม./ชม.
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน การเตือนก่อนการชนด้านหน้า ผ่านทางเสียงและสัญลักษณ์ที่หน้าปัด และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนรถในางสวนขณะถอยรถ กล้องมองภาพรอบทิศทางและเทคโนโลยีตรวจจะบและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน
กระจกอองหลังแบบหน้าจอ LCD สามารถแสดงภาพด้านหลังจากกล้อง ช่วยได้กรณีที่ผู้คนหรือสิ่งของบังมุมมองด้านหลังของกระจกมองหลัง หรือถ้าผู้ขับชอบมองแบบนี้ และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เป็นต้น
ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ เช่น รบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ถุงลม 6 ตำแหน่ง เบรกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ระบบเสริมแรงเบรก เป็นต้น
ช่วงนี้ นิสสัน คิกส์ มีตัวเด่นออกมาทำตลาดคือ Nissan Kicks Star Edition ที่มุมมองเพิ่มความดุดัน ราคา 939,000 บาท และผลิตจำกัด 300 คัน เป็นการเพิ่มตัวเลือกในแง่ของมุมมองตัวรถ แตกต่างไปจาก Autech ที่มีค่าตัว 979,900 บาท
ถ้ามองในแง่การตลาดนี่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์นิยมใช้ นั่นคือแตกรุ่นเป็นทางเลือกสร้างแรงดึงดูดด้วยความแตกต่างในมุมมองภายนอก ภายใน ขณะที่ด้านเทคนิคนั้นเหมือนกัน
สิ่งที่แตกต่างออไปของ สตาร์ อีดิชั่น เช่น วัสดุตกแต่งสีดำรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าแบบ วี-โมชั่น คิ้วกันชนหน้า-หลัง แต่เลือกที่ไม่ใช้กับกระจกมองข้างที่โทนสีเทาเงินแทน เพื่อเพิ่มความพรีเมียมเข้าไปสมกับสปอร์ตจากสีดำ
และติดสติ๊กเกอร์ Star Edition ที่ด้านข้างด้านท้ายของตัวถังอีกด้วย
ซึ่งโดยรวมๆ แล้วผมว่าภายนอกก็ดูดีทีเดียว ดูลงตัว และผสมผสานกันไประหว่างพรีเมียมกับสปอร์ต
และยังยกคำว่า Star Edition เข้าไปภายในห้องโดยสารที่พนักพิงศีรษะเบาะคู่หน้า ติดตั้งคิ้วบันไดสแตนเลสพร้อโลโก้ Star Edition พรมปูพื้น Kicks
ส่วนสีดำก็นำมาใช้เช่นกัน เช่น การตกแต่งรอบปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ
ในแง่การใช้งาน ผมว่าคิกส์เป็นหนึ่งในรถที่ขับดี ซึ่งเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกก่อนอัพเกรดด้วยซ้ำไป แต่ยุคนั้นการตอบรับไม่ดีเท่าไร เพราะลูกค้าไม่ได้มองแค่สมรรถนะ แต่มองออปชั่น มองราคา ก่อนที่นิสสันจะปรับใหม่ทุกด้าน และราคาที่ลดลงทำให้การตอบรับดีขึ้น
ตัวรถมีขนาดกะทัดรัด ใช้งานในเมืองได้สะดวก ขณะที่พื้นที่ห้องโดยสารก็ไม่น้อย ทั้งการนั่งหรือการบรรทุกสัมภาระ เหมาะกับคนโสด คนเริ่มสร้างครอบครัว ไปจนถึงคนที่มีครอบครัวย่อมๆ พ่อแม่ลูก หรือ พ่อแม่ลูก และลูกอีกคน
ด้วยสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาดของตัวรถ ทำให้การขับขี่ในเมืองมีความคล่องแคล่วมาก และเมื่อเดินทางไกลๆ มอเตอร์ก็ยังหน้าที่ได้ดี และคราวนี้ผู้ขับก็จะเห็นความเด่นอีกอย่างคือ ช่วงล่างที่เกาะถนนได้มั่นคงแม้ว่าจะใช้ความเร็วสูงก็ตาม
ถือว่านิสสันทำได้ดี แม้จะเป็นรถในกลุ่ม เอสยูวี ซึ่งมีความสูงตัวถังและความสูงใต้ท้องรถสูงกว่ารถยนต์นั่ง แต่เราสามารถหวดมันได้บนทางหลวงระหว่างเมือง และลัดเลาะไปตามโค้งต่างๆ ของเส้นทางเขาได้อย่างร้อนแรง เข้าออกโค้งได้เร็ว โดยที่ช่วงล่างยังจัดการกับเส้นทางได้แบบเนียนๆ ไม่ขาดไม่เกิน อารมณ์สปอร์ตมาได้เต็มกับเส้นทางแบบนี้
และเส้นทางแบบนี้ ผมชอบที่จะใช้ วัน แพดเดิล ที่รองรับโหมดขับขี่ eco กับ sport โดยจะใช้เกียร์ D หรือ B ก็ได้ทั้งนั้น
เพราะมันทำงานได้แม่นยำในจังหวะเติมคันเร่งหรือผ่อนคันเร่ง โดยความเร็วและจังหวะการหน่วงจะสัมพันธ์กับเท้า ทำให้แทบจะไม่ต้องย้ายเท้าจากคันเร่งเลย แม้ว่าโค้งจะลึกจะแคบก็ตาม แค่ผ่อนน้ำหนักคันเร่งให้พอดีกัน ทำให้ขับได้สมูทมาก
ถ้าถามว่าเหยียบหรือผ่อนคันเร่งแค่ไหนจึงจะพอดี ผมว่าอยู่ที่ตัวเราเองที่จะจับอารมณ์มัน และเชื่อเถอะว่าไม่ยาก ถ้าได้ขับใครๆ ก็ทำได้ครับ
ส่วนการขับขี่บนท้องถนนทั่วไป ผมเลือกที่จะขับแบบรถปกติ คือ เหยียบคันเร่ง เหยียบเบรกเองครับ
ส่วนเรื่องความประหยัดนั้น ถ้าขับในเมือง ตัวเลขระดับ 20 กม./ลิตร หรือมากกว่านี้เห็นได้ไม่ยาก ส่วนขับทางไกลตัวเลขจะลดลงมาบ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการที่มันเป็นรถที่ขับได้สนุก หลายคน ก็เลยไม่คิดจะค่อยๆ ไปกันครับ
ซึ่งแน่นอน สมรรถนะการขับขี่ ทั้งการยึดเกาะถนน การควบคุมรถ และการเรียกำลังที่มาได้ทันอกทันใจ เป็นจุดขายสำคัญที่ลูกค้าคิกส์ ชื่นชอบครับ