ตลาดรถยนต์ เดือนกันยายน ต่ำสุดรอบกว่า 4 ปี 

ตลาดรถยนต์ เดือนกันยายน ต่ำสุดรอบกว่า 4 ปี 

ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน 39,048 คัน ลดลง 37.1% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว xEV ก็ร่วง ไฮบริด ครองสัดส่วนสูงสุดกลุ่มพลังงานใหม่

ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน 2567 มียอดขายรวม 39,048 คัน ลดลง 37.1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 

ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของปีนี้ ที่ยอดขายรายเดือนต่ำกว่า 40,000 คัน และเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี โดยครั้งล่าสุดที่ยอดขายต่ำกว่า 40,000 คัน คือเดือนเมษายน 2563 ที่ประเทศไทยกำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดจากโควิด-19 อย่างรุนแรง โดยได้ 30,109 คัน 

สำหรับยอดขายเดือนกันยายน 2567 รถยนต์นั่งมียอดขาย 15,668 คัน ลดลง 38.4% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (รวมปิกอัพ) มียอดขาย 23,380 คัน ลดลง 36.2% และเฉพาะรถปิกอัพ 1 ตัน มียอดขาย 13,972 คัน ลดลง 40.1%

ตลาด xEV (EV, HEV, PHEV) มียอดขาย 13,102 คัน คิดเป็นสัดส่วน 34% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด ลดลง 21% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว โดยตลาดนี้รถไฮบริดหรือ HEV มีสัดส่วนการขายสูงสุด

โดย HEV มียอดขาย 7,355 คัน คิดเป็น 56% ของตลาด xEV ส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV มียอดขาย 4,982 คัน ลดลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ขณะที่ตลาดรถยนต์โดยรวมเดือนตุลาคม มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน แต่ยังคงเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ 

อย่างไรก็ตาม การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง รวมถึงการมีรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด และโปรโมชันการขายจากหลากหลายค่ายรถยนต์ที่น่าสนใจ  อาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

สำหรับ 3 อันดันยอดขายเดือนกันยายน 2567 ประกอบด้วย 

ตลาดรถยนต์รวม  39,048 คัน ลดลง 37.1%                        

  • โตโยต้า 15,311 คัน ลดลง 27.6% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%
  • อีซูซุ 6,080 คัน ลดลง 44.2% ส่วนแบ่งตลาด 15.6%
  • ฮอนด้า 4,365 คัน ลดลง 52.1% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%    

รถยนต์นั่ง15,668 คัน ลดลง 38.4%                                  

  • โตโยต้า 4,692 คัน ลดลง 52.7% ส่วนแบ่งตลาด 29.9%
  • ฮอนด้า 3,426 คัน ลดลง 18.7% ส่วนแบ่งตลาด  21.9%
  • มิตซูบิชิ 1,395 คัน เพิ่มขึ้น 28.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%

รถปิกอัพ 11,509 คัน ลดลง 39.8%                                 

  • โตโยต้า 5,690 คัน ลดลง 28.3% ส่วนแบ่งตลาด 49.4%
  • อีซูซุ  4,152 คัน ลดลง 47.8% ส่วนแบ่งตลาด 36.1%
  • ฟอร์ด 800 คัน ลดลง  60.2% ส่วนแบ่งตลาด 7%      

ขณะที่ยอดขายสะสม เดือนมกราคม –  กันยายน 2567 มียอดรวม 438,659 คัน ลดลง 25.3%                              

  •  โตโยต้า 167,218 คัน ลดลง 16.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
  •  อีซูซุ 65,269 คัน ลดลง 45.7% ส่วนแบ่งตลาด 14.9%
  •  ฮอนด้า 58,311 คัน ลดลง 16.6% ส่วนแบ่งตลาด 13.3%

รถยนต์นั่ง 169,862 คัน ลดลง 22.7%                                 

  •  โตโยต้า 48,823 คัน ลดลง 36.9% ส่วนแบ่งตลาด 28.7%
  •  ฮอนด้า 33,981 คัน ลดลง 22.6% ส่วนแบ่งตลาด 20%
  •  มิตซูบิชิ 13,740 คัน เพิ่มขึ้น 8.4% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%       

รถปิกอัพ 126,560 คัน ลดลง 39.3 %

  • โตโยต้า 61,098 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 48.3%
  • อีซูซุ 47,616 คัน ลดลง 48% ส่วนแบ่งตลาด 37.6%
  • ฟอร์ด 9,966 คัน ลดลง  48.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.9%  

ด้านรถพีพีวี มียอดขาย 26,944 คัน 

  • โตโยต้า 9,534 คัน 
  • อีซูซุ 9,196 คัน 
  • ฟอร์ด 6,138 คัน 
  • มิตซูบิชิ 1,753 คัน 
  • นิสสัน 323 คัน

                        

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์