‘OMODA C5 EV’ ช่วงล่าง ขับนิ่ง นุ่ม รีบาวนด์น้อย
OMODA C5 EV (โอโมดา ซี 5 อีวี) เปิดตัวมา 2 รุ่นย่อย ด้วยราคา 8.99-9.49 แสนบาท ซึ่งแน่นอนว่าราคาในยุคที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี จากจีน แข่งกันลดราคาหลายระลอก อาจจะมีผู้บริโภคที่คาดหวังจะได้เห็นราคาที่ต่ำกว่านี้สักหน่อย
OMODA C5 EV (โอโมดา ซี 5 อีวี) เป็นรถในรูปแบบ คูเป้ เอสยูวี ได้รูปทรงที่ดูสปอร์ต แต่ก็มีความสามารถในการขับขี่แบบสมบุกสมบันได้บ้าง ด้วยระยะห่างใต้ท้องรถ 165 มม.
โอโมดา ซี5 อีวี ให้ออปชั่นมาไม่น้อย โดยเฉพาะตัวท็อปที่ราคาต่างกัน 5 หมื่นบาท เริ่มจากเมื่อจะใช้รถ ถ้ามีกุญแจอยู่กับตัว เดินเข้าไปในรัศมีที่กำหนด รถจะปลดล็อคฝั่งผู้ขับเอาไว้ให้ เช่นเดียวกับเมื่อลงจากรถ เดินห่างออกไปไม่กี่ก้าว รถก็จะล็อกให้เอง แต่ในแง่การใช้งานจริงทุกคนควรล็อกรถด้วยตัวเอง
ตัวรถมาพร้อมซันรูฟพร้อมม่านบังแดด ติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศ หรือ แอมเบียนท์ไลท์ ตรงกลางมีกล่องรักษาความเย็น ระบบเชื่อมต่อแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ระบบปรับอากาศแบบ 2 โซน เบาะนั่งทรงสปอร์ตนั่งได้กระชับลำตัว กระจกมองหลังกรองแสง
กระจกคู่หน้าลดเสียงรบกวน ซึ่งโดยรวมของรถก็เงียบใช้ได้ครับ ส่วนกระจกหน้าต่างคู่หลังเป็น Privacy glass เครื่องเสียงโซนี่ คุณภาพเสียงใช้ได้
ช่องเชื่อมต่อยูเอสบี ทั้งไทป์ เอ และไทป์ ซี ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ และมีทีบริเวณพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายด้วย ส่วนการจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอก หรือ V2L กำลังไฟ 3.3 kW
กล้อง 540 องศา การแสดงภาพ และคุณภาพของภาพดีเลยทีเดียว และเห็นรอบคัน รวมถึงใต้ท้องรถด้วยการแสดงภาพเสมือน
ด้านความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ มี ADAS มาให้ โดยมีฟังก์ชั่นการทำงานเช่น
- การเตือนการชนด้านหน้าพร้อมช่วยเบรก
- ระบบตรวจสอบสภาพแวดล้อมด้านข้างเมื่อจะเปลี่ยนเลน
- ระบบป้องกันรถออกนอกเลน
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน
- ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน (ACC)
- ระบบช่วยการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ (TJA)
- ระบบเตือนจุดอับสายตา
ระบบเตือนการเหนื่อยล้าของผู้ขับที่ตรวจสอบจากกล้องหลังพวงมาลัย ซึ่งก็ทำงานฉับไว ไม่ว่าจังหวะที่ก้มไปมองหน้าจอ หรือ ออกไปนอกหน้าต่าง หรือแม้แต่หาว
แต่อาจจะต้องส่งไปเรียนภาษาไทยเพิ่มอีกนิด เพราะมันหาผมฟุ้งซ่านขณะขับรถครับ
การออกแบบภายใน โดยรวมเน้นโปร่งโล่ง แต่ก็ความรู้สึกหนักแน่น และเป็นส่วนตัวจากอุปกรณ์หลายๆ ส่วน เช่นที่พักแขนระหว่างเบาะคู่หน้า หรือจอบนคอนโซลหน้าขนาด 24.6 นิ้ว ทรงโค้งที่เหมือนโอบรอบผู้ขับเอาไว้ เป็นจอ 2 จอ ที่เชื่อมต่อกันระหว่างจอกลางและจอแสดงข้อมูลการขับขี่
ใช้วัสดุบุนุ่มในหลายๆ ส่วน ที่ต้องสัมผัสบ่อยๆ
จริงๆ แล้ว ซี5 ไม่ได้เกิดมาเป็นอีวีแต่กำเนิด เพราะแนวทางของเชอรี บริษัทแม่นั้นต้องการให้มีหลายทางเลือกพลังงาน ซึ่งโครงสร้างของ ซี5 ก็เป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์มาก่อน แต่ก็ถือว่าการจัดการ การออกแบบทำได้ค่อนข้างดี สามารถใส่ระบบไฟฟ้าเข้าไปได้ค่อนข้างกลมกลืน แบตเตอรีที่อยู่ใต้ท้องรถก็ไม่ได้ดูห้อยลงไปจนถึงกับต้องหันไปมองซ้ำ
ในด้านการออกแบบโดยรวม ผมว่าใช้ได้อยู่นะครับดูดี มีเอกลักษณ์ มุมมองด้านหน้าออกแนวแข็งแกร่ง ดุดัน กับเส้นทางและตัวถังที่มีสันเหลี่ยม พร้อมกับแปะคำว่า OMODA ขนาดค่อนข้างใหญ่เอาไว้บนฝากระโปรง
ส่วนที่ชาร์จไฟ ถ้าเดินหารองคันก็คงไม่เห็น เพราะมันซ่อนไว้ในที่หน้ารถและไม่ได้เจาะแบบสี่เหลี่ยมหรือกลมๆ แบบขนาดใกล้เคียงกับที่ชาร์จ แต่ซ่อนไว้ใต้แถบยาวๆ หากจะเปิดต้องกดปุ่มภายในรถ ส่วนการปิด ปิดได้โดยตรงที่ฝาปิดเลย
แม้โดยสเปคจะมีความสามารถในการขับขี่นอกถนนได้บ้าง แต่เชื่อว่าตลาดจริงๆ ก็เป็นเอสยูวีทางเรียบ เอสยูวีในเมืองเป็นหลัก และสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้บ้าง แต่ต้องวางแผนเรื่องการชาร์จระหว่างทาง
เพราะแม้ระยะทางที่ขับขี่ได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จะไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้สูงมาก โดยอยู่ที่ 505 กม. ตามมาตรฐาน NEDC แต่ถ้าเป็น WLTP จะอยู่ที่ 430 กม. แต่การใช้งานจริงด้วยสภาพสิ่งแวดล้อม อากาศ ภูมิประเทศ หรือ การจราจร ระยะคงจะหย่อนๆ 400 กม.
แต่ในด้านการขับขี่ ซี 5 ทำได้ดีเลย เรื่องของสมรรถนะมอเตอร์เป็นจุดเด่นเหมือนกับ อีวี ทั่วๆ ไป การเรียกกำลังทำได้เร็ว อัตราเร่งไว้ใจได้ แม้ว่าอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.2 วินาที เหลือแหล่แล้วครับ และต้องไปดูที่การใช้งานจริง การปรับเปลี่ยนความเร็ว เดี่ยวเร่ง เดี่ยวผ่อน เดี๋ยวเบรก แล้วเร่งใหม่ จับอารมณ์ตรงนั้นก็จะรู้ว่ารถคันไหนตอบสนองได้ดีไม่ดีอย่างไร ซึ่ง ซี5 อีวี ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ 172 กม./ชม.
แต่จุดที่ชอบมากกว่าก็คือช่วงล่างซึ่งด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลัง มัลติลิงค์ ที่เซ็ทมาได้บาลานซ์ดี รองรับการขับขี่ ทั้งการเดินทางไกลรถนิ่ง ยึดเกาะในทางโค้งได้แม่นยำ ไม่ย้วย ช่วงทางขรุขระดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี และเส้นทางที่เป็นร่องเป็นคลื่นเช่นถนนสาย 9 ที่ผมมุ่งหน้าจะไปอยุธยาซึ่งกำลังก่อสร้างหลายช่วงไม่ดึงพวงมาลัยจนตกอกตกใจ
ขณะที่จังหวะขึ้นและลง เช่น คอสะพาน อันนี้น่าสนใจครับ จังหวะรีบาวนด์น้อย และจังหวะลงก็ซับแรงได้ดี ไม่ถึงระดับที่ช็อคแอบซอร์เบอร์ยัน
ส่วนยางใช้ขนาด 215/55 R18
แน่นอนการตอบสนองช่วงล่างทั้งหมด ไม่ใช่ว่าจะเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่โดยรวมๆ แล้วถือว่าทำได้ดี ตรวจสอบได้จากการเดินทาง การอยู่กับรถนานๆ แล้วไม่เหนื่อย ทั้งการสู้กับเส้นทาง และสภาพการจราจรบนท้องถนนครับ