‘ฮุนได พาลิเสด’ เอสยูวี ทางเลือกรถ 7 ที่นั่ง ทางเรียบได้ ลุยได้
พาลิเสด (Palisade) เป็นเอสยูวีที่เป็น แฟลกชิป โมเดล ของฮุนได เป็นเอสยูวีขนาดใหญ่ 7 ที่นั่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นฟูลไซส์ เอสยูวี และในตลาดบ้านเราวันนี้ อาจจะหาตัวเปรียบได้ยาก แต่ถ้าพอจำกันได้ว่าครั้งหนึ่งมาสด้าเคยขาย ซีเอ็กซ์-9 นั่นแหละครับ ไซส์ มันใกล้เคียงกัน
การทำตลาดที่ไม่มีคู่แข่งชัดเจนนักของฮุนได พาลิเสด (Hyundai Palisade) ถ้าวางหมากให้ดีๆ ผมว่าตัวนี้น่าสนใจทีเดียว เพราะโครงสร้างราคาเองก็อยู่ในเกณฑ์ที่ลูกค้ากลุ่มนี้รับได้ คือ
- 2.299 ล้านบาท ในรุ่น เอ็กซ์คลูซีฟ ขับเคลื่อน 2 ล้อ
- 2.499 ล้านบาท ในรุ่น เพรสทีจ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD)
ซึ่งราคานี้เป็นการนำเข้าจากอินโดนีเซียครับ ซึ่งที่นั่นฮุนไดมีโรงงานครับ อยู่ห่างจากจากาตาร์ 100 กม.กว่าๆ แต่บางวันก็ใช้เวลาเดินทางพอควร จากปริมาณรถที่หนาตา แต่จริง ๆ แล้วโครงสร้างถนนถือว่าทำได้ดีเลยหละ
เป็นโรงงานใหญ่โตทีเดียว พื้นที่กว้างขวาง จริงๆ ก็ต้องบอกว่าใหญ่โตตั้งแต่พื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมแล้วครับ
โรงงานที่อินโดนีเซียประกอบรถหลายรุ่น รวมถึงอีวีอย่าง ไอออนิค 5 ด้วย ทำให้ไม่มีภาระภาษีนำเข้าจากสิทธิพิเศษเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า แต่ถ้าหากนำเข้าจากเกาหลีใต้โดยตรง ราคาคุมไม่ได้แบบนี้แน่ครับ สำหรับ พาลิเสด
พาลิเสดที่เปิดตัวในไทยครั้งนี้เป็นรุ่นเฟซลิฟต์ หน้าตาดูลงตัวมากขึ้น
ตัวรถใหญ่ทีเดียว ความยาวตัวถังหย่อน 5 เมตร ไปแค่ 5 ซม. ความกว้าง 1,975 มม. สูง 1,750 มม. ระยะฐานล้อ 2,900 มม. และความสูงใต้ท้องรถ 200 มม. ส่วนน้ำหนักรถ 1,960 กก. ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ กับ 2,060 กก. ในรุ่น AWD
ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นกว้างขวางนั่งสบายทีเดียว โดยเฉพาะเบาะนั่งแถวที่ 2 แบบกัปตัน ซีท เน้นให้กระชับลำตัวรองรับการเดินทางไกล พร้อมกับพื้นที่รอบตัวกว้างขวาง พร้อมระบบปรับอุณหภูมิเช่นเดียวกับเบาะนั่งแถวที่ 1
แต่เบาะแถว 1 จะเน้นให้กว้างขวาง นั่งสบายมากกว่าเน้นกระชับ ดังนั้นอาจจะมีการไหลของตัวอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ไม่เป็นปัญหาอะไร
พื้นที่ว่างระหว่างเบาะซ้าย-ขวา ของเบาะกัปตัน ซีท แถว 2 กว้าง ใครที่จะเดินผ่านเข้าไปยังเบาะนั่งแถวที่ 3 ก็เดินได้สบายๆ พร้อมีซันรูฟเพิ่มความโปร่งโล่งให้อีกด้วย
โดยรุ่น เพรสทีจ ที่อยู่กับผมวันนี้มาพร้อมการตกแต่งภายในด้วยสี warm grey ให้ความรู้สึกสบายตา และโปร่งโล่ง และใช้หนังแนปป้าในหลาย ๆ ส่วน
ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร
- กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที
- แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,750 รอบ/นาที
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.10.5 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เป็นแบบปุ่มกด by wire และมี Paddle Shift สำหรับการปรับเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองที่พวงมาลัยให้เลือกใช้งาน
เครื่องยนต์ตัวเดียวกับที่อยู่ใน สตาร์เรีย แต่เซ็ทให้ได้สมรรถนะที่ดีขึ้น ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้บวกกับการจัดการอื่นๆ ทำให้ค่อนข้างเงียบ และนิ่ง เสียงและแรงสั่นสะเทือนเข้ามาในห้องโดยสารน้อย แม้แต่ช่วงจอดนิ่งๆ
ส่วนการตอบสนองของเครื่องยนต์ อาจจะไม่ได้จี๊ดจ๊าดนักในจังหวะออกตัว แต่ก็เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง และที่ความเร็วกลาง ๆ ไล่ขึ้นไปที่ความเร็วสูงมาได้ลื่นไหล รวดเร็ว ขับได้สนุกทั้งจังหวะการปรับเปลี่ยนความเร็ว หรือ เร่งแซง เรียกว่าพอติดลมบนแล้วก็ไปได้สบาย ๆ
แต่ที่ความเร็วต่ำๆ ช่วงจะเติมความเร็ว หรือเร่งแซงแบบเร่งด่วน จะต้องเค้นเครื่องยนต์บ้างเล็กน้อย กับการแบกน้ำหนักทะลุ 2 ตัน ไม่รวมผู้โดยสาร
แต่โดยรวม ๆ ถือว่าเครื่องยนต์ทำได้ดี ตอบสนองได้ดี
โหมดการขับขี่มีทั้ง Comfort, ECO, Sport และ Smart ที่ปรับด้วยตัวเอง ซึ่งโหมดสปอร์ตตอบสนองเร็วขึ้นชัดเจน ขับสนุกยิ่งขึ้นครับ ถ้าเลี้ยงคันเร่งนิ่ง ๆ ก็จะได้ทั้งอารมณ์สปอร์ตสำหรับผู้ขับ และความนุ่มนวลสำหรับผู้โดยสาร
และยังมีโหมดสำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อย่าง Terrain Mode ประกอบด้วย Snow, Mud และ Sand แต่วันนี้ยังไม่พูดถึง เพราะไม่ได้ใช้ เนื่องจากขับบนทางเรียบเป็นหลัก มีออกนอกถนนบ้าง แต่เป็นทางหินลอยเท่านั้น ซึ่งก็ใช้โหมดปกติทั่วไป จัดการได้
ช่วงล่างด้านหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลัง มัลติลิงค์ ติดตั้งยางขนาด 245/50 R20 รองรับการใช้งานได้ดีพอ
ฮุนได พาลิเสด เซ็ทช่วงล่างมาได้ยืดหยุ่นคือความนุ่มนวลมา รองรับการเดินทางบนถนนรังสิต-นครนายกได้ดีพอ ขณะเดียวกันการขับขี่ด้วยความเร็ว ทั้งเร็วปกติ และเร็วแบบต้องเปลี่ยนช่องทางไปมา รวมถึงการขับเส้นทางเล็ก ๆ ที่มีโค้งเล็กโค้งใหญ่ ลัดเลาะไปตามทุ่งย่านนครนายก รถนิ่งน่าพอใจ ผมว่าการโยนตัวของรถน้อย ทำให้พึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้ขับและผู้โดยสาร
พวงมาลัยแม่นยำ แต่ถ้าเพิ่มน้ำหนักให้อีกนิดจะดียิ่งขึ้นครับ
ทัศนวิสัยดีรอบคัน เมื่อบวกกับการตอบสนองเครื่องยนต์ การทรงตัวของรถทำให้พาลิเสดแม้จะมีตัวถังค่อนข้างใหญ่ แต่ตล่องตัวในการใช้งาน ไม่ว่าจะขับในกรุงเทพฯ หรือ ออกต่างจังหวัด หรือ เส้นทางเล็ก ๆ ย่านชนบท หรือทางโค้งทางเขาครับ
ด้านออปชั่นก็ให้มาไม่น้อย รวมถึง Hyundai SmartSense ซึ่งก็คือ ADAS ที่หลายแบรนด์เรียกนั่นแหละครับ ประกอบด้วย
- ระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Forward Collision-avoidance Assist : FCA)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ZSmart Cruise Control with Stop and Go)
- ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Lane Following Assist : LFA)
- ระบบกล้องมองภาพจุดอับสายตา Blind-spot View Monitor (BVM)
และก็ยังมีระบบและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยอื่นๆ เช่น
- ระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ (Rear Cross-traffic Collision-avoidance Assist : RCCA)
- ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง คือ คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
ออปชั่นเด่นอื่นๆ เช่น จอแสดงผลการขับขี่ความละเอียดสูงแบบ Supervision Cluster ขนาด 12.3 นิ้ว เครื่องเสียง Infinity Premium Sound System ลำโพง 12 ดอก เสียงดีใช้ได้ ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย กระจกมองหลังแบบไร้ขอบตัดแสงอัตโนมัติ เบาะผู้ขับขี่มีระบบบันทึกตำแหน่งที่นั่ง เป็นต้น
ในตลาดปัจจุบันรถแบบ 7 ที่นั่งที่มีขนาดใหญ่ อาจจะหาได้หลายรุ่น แต่ส่วนใหญ่เป็น เอ็มพีวี หรือ พีพีวีที่สร้างขึ้นจากพื้นฐานของปิกอัพ หรือ บอดี้ ออน เฟรม แต่ถ้าเป็นเอสยูวี ตัวถังโมโนค็อค (monocoque) ขับสบายได้ ขับลุยได้ งานออฟโรดได้
ก็อย่างที่บอกไปว่า ฮุนได พาลิเสด เข้ามาเล่นในพื้นที่ว่างตรงนี้ ทีนี้ก็อยู่ที่่ว่าภาพรวมของรถจะถุูกอกถูกใจแค่ไหน คำตอบที่จะได้คือต้องไปลองครับ
และสำหรับผม ผมว่ามันสอบผ่านไม่ยากครับ
ส่วนใครที่จะซื้อ ช่วงนี้ ฮุนไดมีแคมเปญ ประกอบด้วย
- อัตราดอกเบี้ย 1.99%
- ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
- การรับประกันตัวรถนาน 7 ปี หรือสูงสุด 150,000 กิโลเมตร
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบไม่จำกัดตลอด 7 ปี
ส่วนลูกค้า 200 รายแรก รับแพ็กเกจบำรุงรักษานาน 4 ปี หรือสูงสุด 40,000 กิโลเมตร