ขับ 'Mini Cooper JCW E' อีวี ตัวแรง แรงดึงมาเต็ม นิ่ง สมดุลยันล้อ

มินิ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่รุกตลาดรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี จริงจัง ล่าสุดเปิดตัวรหัสแรงMINI John Cooper Works Electric และ MINI John Cooper Works Aceman
ไม่กี่วันก่อน ผมมีโอกาสไปลองขับที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ต้องบอกว่าสนุกสุด ๆ ครับ
แน่นอนว่าเมื่อเป็นเวอร์ชั่น จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส (John Cooper Works) หรือ เจซีดับเบิลยู (JCW) สิ่งที่ตามมาคือ อารมณ์สปอร์ต ความแรงที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นที่ไม่ใช่ เจซีดับเบิลยู มันมีกำลังเพิ่มขึ้น 40 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 20 นิวตันเมตร และก็ยังมีอีเลคทริค บูสต์ ให้กดปุ่มเพิ่มกำลังอีกราว ๆ 27 แรงม้า ในช่วงเวลาประมาณ 10 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดเพิ่มจาก 170 เป็น 200 กม./ชม.
สมรรถนะที่เพิ่มขึ้นแลกมากับระยะทางการขับขี่สูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้งที่ลดลงจาก 402 กม. มาอยู่ที่ 371 กม. เพราะแบตเตอรีความจุเท่าเดิม
- กำล้งสูงสุด 258 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
- Electric Boost 26 แรงม้า
- 0-100 กม.ชม. 5.9 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.
- แบตเตอรี ลิเธียมไอออน 400 โวลต์
- ความจุ 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง
- ระยะทางสูงสุด 371 กม.(WLTP)
- ชาร์จ AC 11 กิโลวัตต์
- ชาร์จ DC 95 กิโลวัตต์
จุดเด่นของมินิ เจซีดับเบิลยู อี 3 ประตูคันกะทัดรัดก็คือ ความสมดุลในการขับขี่ สมรรถนะที่ได้จากมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งปกติก็ถือว่าโดดเด่นอยู่แล้วสำหรับรถอีวีทั่วไปไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม แต่สำหรับคันนี้ยังได้แรงม้าแรงบิดเพิ่มมาอีก
เมื่อมาขับในแทรคที่ต้องใช้การเบรก การเร่ง สลับกันอยู่ตลอดเวลา มันบ่งบอกถึงการตอบสนองของมอเตอร์ได้เป็นอย่างดี การเรียกกำลังมาได้เร็ว ตอบสนองการขับขี่ที่ต้องเปลี่ยนความเร็วบ่อย ๆ ได้ดี ทำให้จังหวะออกจากโค้งทำได้เร็ว
แต่ถ้าขับขี่บนถนนสาธารณะก็ต้องระวังเรื่องการใช้คันเร่งในทางโค้งนะครับ พยายามอย่าเติมคันเร่งหากล้อหน้ายังไม่ตั้งตรง
และเมื่อถึงทางตรงการลองเพิ่งความเร็วแบบกดคันเร่งเต็มที่ แรงกระชากมาได้แบบรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อใช้โหมด โก-คาร์ท และหากยังไม่พอใจจะกดอีเลคทริค บูสต์ช่วยอีกแรง ก็จะยิ่งเร้าใจกว่าเดิม
รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทันทีทันใด ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ความนิ่งของรถทั้งด้านข้างและด้านบน คือ รถไม่มีอาการส่าย หรือหน้าเชิดแบบเกินกว่าเหตุ ทำมาได้ดีครับ
เมื่อสุดทางตรง ต้องใช้เบรกหนัก ๆ จังหวะแรกเหมือนมีอาการดิ้นนิด ๆ เพราะความเร็วลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น จากนั้นความเร็วก็ลดลงได้โดยตัวรถนิ่ง และระยะทางอยู่ในระยะที่เราประเมิน ไม่มีไหลเกิน ที่เรียกว่าเบรกไม่พอ
ดังนั้นเรื่องการเร่ง กับเรื่องเบรก มันจึงเหมาะมากกับการขับแบบนี้ เพราะทุกอย่างแม่น รู้ว่าจะเบรกตรงไหน ผ่อนเบรกตรงไหน หักพวงมาลัยจุดไหน และเมื่อไรที่จะกรอคันเร่ง และกดคันเร่ง
การควบคุมรถ อารมณ์ของรถ แม้จะเป็นไฟฟ้า แต่มินิ ก็คือ มินิ ยังคงอารมณ์ไว้ได้เต็มที่ มีความคล่องตัวสูง ช่วงล่างแน่น เกาะไปกับโค้งได้ดีและแม่นยำ แม้ว่าบางโค้งที่เราใช้ความเร็วที่ค่อนข้างจะสูงจนเกินลิมิต อาจจะรับรู้ได้ถึงอาการท้ายออก
แต่จุดเด่นคือ การแก้อาการที่ความเร็วสูงแบบนั้นมันทำได้ไม่ยาก แค่ใช้พวงมาลัยเล็กน้อยเท่านั้น นั่นเป็นเหตุให้หลายคนเลือกที่จะขับแบบล้น ๆ ลิมิต เพื่อความสนุกตรงนี้ เพราะรู้ว่าสามารถที่จะแก้อาการได้
แต่ย้ำว่านี่เป็นการขับในแทรคนะครับ ไม่ใช่บนถนนสาธารณะ
ขณะที่พวงมาลัยซึ่งมีความแม่นยำและน้ำหนักดี ก็มีส่วนช่วยเติมอารมณ์สปอร์ตได้มาก
มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจครับ การขับแบบดุดัน ใช้ความเร็ว เข้า-ออก โค้งกันหนัก ๆ ชนิดที่เมื่อจอดก็ได้กลิ่นไหม้ของยาง แต่เมื่อไปดูอย่างละเอียดกลับไม่พบลักษณะการสึกของยางที่คุ้นเคยกับการขับแบบนี้ คือ การสึกบริเวณขอบของยาง ที่ต้องรับแรงกดและแรงเสียดสีมหาศาลเมื่อเข้าโค้ง แต่มินิ ไม่มีรอยสึกผิดปกติบางส่วนแบบนั้น
น่าจะเป็นผลมาจาการเซ็ทพวกมุมล้อ โดยเฉพาะแคมเบอร์ บวกกับการเซ็ทช่วงล่าง ที่ทำให้ไม่ว่าจังหวะรถเลี้ยวไปทางไหน แรงแค่ไหน มันจะรักษาให้หน้ายางสัมผัสกับผิวถนนให้มากที่สุด ซึ่งก็มีผลต่อการยึดเกาะถนนที่ดีอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
สำหรับยางที่ติดตั้งมาเป็นขนาด 225/45 R18 ครับ
การทดสอบครั้งนี้ขับกันจุใจครับ รวมถึงลองขับในสนามที่เซ็ทเป็นจิมคาน่าเพื่อดูทั้งการควบคุมรถ ความคล่องตัว การใช้เบรกหนัก ๆ คันเร่งสุด ๆ ซึ่งโดยรวมแล้ว ทำเวลาได้ดีเช่นกัน
ทั้งนี้แม้จะเป็นการลองขับในสนาม แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่าการเซ็ทช่วงล่างมีความนุ่มนวลมากขึ้น ลดความกระด้างลงไปได้ไม่น้อย นั่งได้สบายขึ้น แต่เอาเป็นว่าเอาไว้ลองบนถนนจริงค่อยมาว่ากันอีกครั้ง
แต่อย่างน้อยสัมผัสแรกที่รู้สึกว่าความนุ่มนวลที่เพิ่มขึ้น แต่อารมณ์สปอร์ตในการขับขี่ที่ไม่ลดลง เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยครับ