ซันรูฟ

ซันรูฟ

ซันรูฟหรือหลังคาชนิดเลื่อนเปิดเพื่อรับแสงและอากาศให้เข้ามาในห้องโดยสารได้ เป็นอุปกรณ์ประจำรถยนต์

ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง เพราะในสมัยแรกๆ หากผู้ผลิตรถยนต์ต้องการให้รถยนต์ของตัวเองดูเท่มีบุคลิกแบบสปอร์ต ก็จะผลิตรถยนต์ให้เป็นแบบเปิดประทุนในลักษณะต่างๆ เท่านั้น ซึ่งการเปิดประทุนจะต่างจาก ซันรูฟ มาก เพราะในขณะที่ ซันรูฟ จะเปิดได้เพียงเฉพาะพื้นที่ซึ่งถูกเจาะไว้เป็นช่อง ขนาดใหญ่ที่สุดก็ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของพื้นที่หลังคาทั้งหมด
แต่หลังคาเปิดประทุนหมายถึงการที่รถยนต์คันนั้นๆ สามารถถอดส่วนที่เป็นหลังคาทั้งหมดเอาออกไปเก็บไว้ได้ หรือที่ถูกผลิตขึ้นมาเป็นหลังคาผ้าใบหรือหลังคาแข็งบางชนิด ก็สามารถพับเก็บซ่อนไว้ได้ทั้งหมด หลังคาประเภทซันรูฟจึงเป็นหลังคาที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยผสมผสานกันระหว่างหลังคาแข็งตามปรกติกับหลังคาเปิดประทุนนั่นเอง
ภูมิภาคที่นิยมใช้รถยนต์แบบหลังคาเปิดประทุนหรือหลังคาซันรูฟก็ตาม คือ ภูมิภาคที่มีลักษณะอากาศหนาวเย็นและมีแสงแดดน้อยในแต่ละปี การเปิดหลังคาหรือเปิดซันรูฟก็เพื่อเจตนาที่ต้องการให้คนที่นั่งในรถได้รับแสงแดด และอากาศที่บริสุทธิ์จากภายนอกซึ่งมีอุณหภูมิไม่สูงจนรู้สึกร้อน แต่หลังจากนั้นก็เช่นเดียวกันกับกระแสแฟชั่นอื่นๆในโลกนี้ นั่นคือแม้แต่ในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนจนผู้คนต้องตะเกียกตะกายหาเครื่องปรับอากาศมาติดตั้งไว้ในรถยนต์ ก็ยังนิยมรถยนต์ที่เปิดช่องหลังคารับแสงแดดหรือที่เรียกกันว่าซันรูฟตามไปด้วย ทั้งที่ในระยะแรกของช่องรับแสงบนหลังคาหรือซันรูฟจะเป็นต้นตอของปัญหาต่างๆในรถยนต์เช่นการรั่วซึมของน้ำ และเป็นช่องทางที่ทำให้อากาศร้อนจากภายนอกไหลเข้ามารบกวนความสบายในห้องโดยสาร แต่รถยนต์ที่มีซันรูฟก็ยังคงเป็นที่หมายปองของคนใช้รถจำนวนไม่น้อย
สัปดาห์ที่ผ่านมามีกรณีที่เด็กเล็กๆ ถูกซันรูฟของรถยนต์หนีบคอขณะที่อยู่ในรถตามลำพัง และแม้ว่าจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ท้ายที่สุดก็ยังเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ซึ่งจากกรณีดังกล่าวมีสื่อมวลชนหลายแห่งได้ทำการสัมภาษณ์ผมถึงสาเหตุและวิธีการป้องกัน บางแห่งถึงกับตั้งคำถามว่าทำไมผู้ผลิตรถยนต์จึงไม่ย้ายตำแหน่งติดตั้งสวิทช์ควบคุมซันรูฟเอาไว้ให้พ้นมือเด็ก หรือทำไมจึงไม่ติดตั้งระบบป้องกันการหนีบสิ่งกีดขวางที่เรียกกันว่า "แจมโพรเทคชั่น" เช่นเดียวกับกระจกหน้าต่างของรถยนต์ ทั้งนี้ผมเห็นว่ากรณีอย่างนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักและอยากให้เป็นบทเรียนกับคนใช้รถยนต์ทุกคน จึงขอนำมาเขียนเอาไว้ให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันตรงนี้อีกทางหนึ่งดังต่อไปนี้
เหตุผลที่ผู้ผลิตรถยนต์มีการติดตั้งระบบป้องกันการหนีบสิ่งกีดขวาง หรือแจมโพรเทคชั่นเอาไว้ที่กระจกหน้าต่างรถยนต์ เพราะรู้ดีว่าบริเวณหน้าต่างนั้นมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่ายและบ่อยครั้ง เช่น การที่ต้องยื่นมือออกไปชำระค่าผ่านทาง หรือการที่จะต้องยื่นมือออกไปรับและคืนบัตรตามสถานที่จอดรถต่างๆ รวมถึงกรณีที่เด็กเล็กๆอาจจะชะโงกหน้าออกไปเล่นขณะที่กระจกหน้าต่างเปิด โดยที่ผู้ใหญ่หรือคนขับไม่รู้อาจจะปิดกระจกขึ้นมาในขณะนั้น จนอาจจะทำให้เกิดการหนีบมือหรือศีรษะขึ้นมาได้ ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่จึงทำการติดตั้งระบบป้องกันการหนีบเอาไว้ เมื่อมีสิ่งกีดขวางอยู่บนเส้นทางที่กระจกเลื่อนขึ้น กระจกก็จะเลื่อนตัวลงหรือบางยี่ห้อก็อาจจะหยุดนิ่งค้างเอาไว้ไม่เลื่อนขึ้นต่อไป
แต่สำหรับกระจกเลื่อนบนหลังคาหรือซันรูฟนั้น ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลายเห็นว่าในขณะที่รถยนต์วิ่งอยู่นั้น กฎว่าด้วยความปลอดภัยคือคนที่อยู่ในรถยนต์ทุกคนต้องรัดเข็มขัดนิรภัยอยู่แล้ว ซึ่งหากทำตามกฎว่าด้วยความปลอดภัยดังกล่าว ก็จะไม่มีใครสามารถยืดคอขึ้นไปขวางหรือลุกขึ้นยืนไปขวางการเลื่อนปิดของซันรูฟได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องติดตั้งระบบป้องกันการหนีบแต่อย่างใด
ส่วนในกรณีที่เกิดเหตุนั้นเป็นเรื่องความผิดพลาดของคนอย่างแท้จริง เพราะเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าหลักปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถยนต์ข้อหนึ่งก็คือ ห้ามปล่อยเด็กหรือคนที่ยังไม่สามารถช่วยตนเองได้หรือยังมีวุฒิภาวะไม่เพียงพอให้อยู่ในรถตามลำพัง ไม่ว่ารถยนต์คันนั้นจะติดเครื่องยนต์อยู่หรือไม่ก็ตาม เพราะจะได้ยินข่าวอยู่เสมอๆ ว่ามีเด็กติดค้างอยู่ในรถยนต์ และคนภายนอกไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปเอาเด็กออกมาได้ เพราะเด็กทำการล็อคประตูทุกบานเอาไว้จนบางครั้งเด็กป่วยเพราะขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน
และหลายครั้งอีกเช่นกันที่มีข่าวเกิดขึ้นว่า ผู้ปกครองติดเครื่องยนต์และเปิดแอร์พร้อมทั้งทิ้งเด็กไว้ตามลำพังในรถขณะที่ตนเองลงไปทำธุระ เมื่อเด็กตื่นขึ้นมาหรือเล่นด้วยความซนจนไปโดนคันเกียร์ ทำให้รถไหลไปชนสิ่งกีดขวางเกิดเป็นอุบัติเหตุ หรือบางครั้งไหลตกลงไปในน้ำทำให้เสียชีวิตขึ้นมาก็มี และทุกครั้งที่เกิดข่าวร้ายทำนองนี้ขึ้นมาก็จะมีการออกมารณรงค์บอกกล่าวถึงวิธีการที่ถูกต้องว่า การป้องกันที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดก็คือ ต้องไม่ทิ้งเด็กหรือคนที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้เอาไว้ในรถยนต์ตามลำพังนั่นเอง
แต่ด้วยความประมาทเลินเล่อหรือความชะล่าใจของคนใช้รถเอง ก็ยังทำให้มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นตามมาบ่อยครั้ง ในบางประเทศเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมา ผู้ควบคุมรถไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือใครก็ตาม จะถูกยึดใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นเวลานานหรืออาจจะถึงขั้นห้ามขับขี่รถยนต์ไปตลอดชีวิต เพราะเขาถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่อที่ร้ายแรงมากทั้งที่เป็นหลักการเบื้องต้นว่าด้วยความปลอดภัยง่ายๆ เท่านั้นเอง
พึงระลึกเอาไว้ตลอดเวลาว่ารถยนต์เป็นเครื่องจักรที่มีอันตรายมากอย่างหนึ่ง ดังนั้นอย่าว่าแต่เด็กหรือคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย แม้แต่ผู้ใหญ่หรือคนทั่วไปที่ขาดสติ, ขาดสมาธิ หรือไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ก็เป็นบุคคลต้องห้ามที่ไม่ควรปล่อยให้อยู่กับรถยนต์ตามลำพังเช่นกัน
ทุกวันนี้เราสอนเด็กว่าปืนคืออาวุธร้ายแรงที่มีอันตรายอย่าไปจับหรือแตะต้อง เพราะถ้าปืนลั่นขึ้นมาอาจจะมีคนบาดเจ็บหรือล้มตายได้ เราจึงเตือนกันตลอดว่าให้เก็บอาวุธปืนเอาไว้ให้ห่างจากมือเด็ก แต่เราไม่ได้สอนเด็กว่ารถยนต์มีอันตรายร้ายแรงมากกว่าปืน เพราะปืนลั่นขึ้นมาอย่างเก่งก็มีคนตายเพียงแค่คนเดียว ในขณะที่รถยนต์นั้นหากผิดพลาดขึ้นมาอาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในแต่ละครั้งได้มากมายนับสิบคนเลยทีเดียว
เราจึงไม่เคยเก็บกุญแจรถยนต์เอาไว้ให้ห่างจากมือเด็กเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่เป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งทีเดียวครับ