“ซูบารุ” ยึดไทยฐานผลิตเอสยูวี ส่งออกอาเซียน
ซูบารุ เริ่มผลิตรถเอสยูวีที่โรงงานในไทย หวังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ประเภทนี้เพื่อส่งออกขายในประเทศต่างๆทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มั่นใจทำยอดขายได้ตามเป้า หลังสำรวจตลาดพบ ผู้บริโภคในภูมิภาคนิยมใช้รถเอสยูวีมากกว่ารถประเภทอื่น
ซูบารุ ซึ่งร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล (ทีซีไอแอล) ของสิงคโปร์ แต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เริ่มเดินสายการผลิตรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (เอสยูวี)ที่โรงงานในย่านลาดกระบัง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะใช้โรงงานแห่งนี้เป็นฐานการผลิตรถเอสยูวีเพื่อส่งออกไปขายในประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซียและโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานผลิตรถซูบารุแห่งแรกนอกญี่ปุ่น
เกลนน์ ตัน รองประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัททีซีไอแอล กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ เป็นการร่วมทุนระหว่างซูบารุ คอร์พอเรชันและบริษัทตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งถือหุ้น 74.9 % เริ่มผลิตรถเอสยูวีตั้งแต่เดือนมี.ค.พร้อมทั้งตั้งเป้าส่งออกรถยนต์ซูบารุรุ่นฟอร์เรสเตอร์ให้ได้กว่า 6,000 คันในช่วงปีแรกของการผลิต และนอกจากผลิตเพื่อขายให้แก่กลุ่มลูกค้าในประเทศไทยแล้ว ซูบารุ ยังวางแผนผลิตรถที่โรงงานแห่งนี้เพื่อส่งออกไปจำหน่ายให้ทั่วภูมิาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
“นี่คือหมุดหมายที่สำคัญสำหรับเราที่สามารถผลิตรถซูบารุในประเทศไทยได้ จากที่ผ่านมา เราได้ใช้ไทยเป็นฐานในการจัดจำหน่าย กระจายสินค้าและให้บริการหลังการขาย แต่ตอนนี้ เราสามารถผลิตรถยนต์เอสยูวีในไทยได้แล้ว ซึ่งกลยุทธระยะยาวนี้จะเปิดโอกาสให้เราสามารถบริหารจัดการเกี่ยวกับระบบห่วงโซ่อุปทานได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยให้เราสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ตลอดเวลา รวมทั้งเข้าถึงตลาดในท้องถิ่นได้ดีขึ้น และลดการพึ่งพารถยนต์จากญี่ปุ่น ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เราจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้รถซูบารุในภูมิภาคได้ดีขึ้น ในอนาคต เรามีแผนที่จะขยายตลาดรถซูบารุไปนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย”
ตัน ยังกล่าวด้วยว่า การที่เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการพัฒนาต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้ธุรกิจของทีซีไอแอลพลอยได้รับอานิสงส์จากตลาดนี้ในยุคที่ชนชั้นกลางเติบโตอย่างรวดเร็ว และมองเห็นโอกาสในการทำตลาดมากมาย เนื่องจากผู้บริโภคที่มีฐานะดีขึ้นมักเปลี่ยนจากการเป็นเจ้าของจักรยานยนต์มาเป็นรถยนต์
นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจตลาดเมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารบริษัททีซีไอแอล พบว่าผู้ซื้อรถในภูมิภาคนี้นิยมใช้รถเอสยูวี ทำให้บริษัทมั่นใจว่าการเริ่มเดินสายการผลิตรถเอสยูวีรุ่นฟอร์เรสเตอร์จะได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นและทำให้บริษัทมีรายได้จากตลาดนี้เพิ่มแม้ว่าซูบารุจะมีส่วนแบ่งตลาดรถเอสยูวีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แค่ 3.5% ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าในประเทศสิงคโปร์จะไม่สามารถซื้อรถเอสยูวีรุ่นฟอร์เรสเตอร์ที่ผลิตและประกอบทั้งคันจากโรงงานผลิตในประเทศไทย เนื่องจากรถที่ผลิตในโรงงานแห่งนี้ยังไม่ได้มาตรฐานการปล่อยไอเสียยูโร 6 ซึ่งสิงคโปร์ใช้มาตรฐานนี้ ซึ่งหากลูกค้าที่สิงคโปร์ต้องการซื้อรถรุ่นนี้ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น โดยโรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งได้เงินลงทุนเบื้องต้นกว่า5,000 ล้านบาท จะผลิตรถเอสยูวีประมาณ 10,000 คันตั้งแต่ปี 2563
โตโมฮิโระ อิชิโตบิ ผู้จัดการระดับอาวุโสดูแลด้านการจัดจำหน่ายและด้านการตลาดของซูบารุ กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้สามารถผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆได้จำนวน 1 แสนคันในช่วงที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมากและโรงงานสามารถผลิตรถได้สูงสุด
อิชิโตบิ ยังกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีความเหมาะสมที่จะถูกใช้เป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ และประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีค่ายรถญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาตั้งฐานการผลิตอยู่แล้ว
“ปัจจุบันนี้ ศักยภาพด้านการผลิตที่โรงงานญี่ปุ่นสูงสุดแล้ว ส่วนประเทศไทย มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่สนับสนุนให้ซูบารุสามารถผลิตรถเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกได้” อิชิโตบิ กล่าวและว่า
ที่ผ่านมา ซูบารุจำหน่ายรถรุ่นเอ็กซ์วี ฟอร์เรสเตอร์ เอาท์แบค เลฟร็อก อิมพรีซา ดับบลิวอาร์เอ็กซ์ และบีอาร์ซี โดยทุกรุ่นนำเข้าจากโรงงานที่มาเลย์เซีย อาศัยสิทธิภาษีนำเข้าพิเศษ