"เบนท์ลีย์ เบนเทย์กา วี8"...แรงจริง นิ่งทุกความเร็ว
เมื่อเบนท์ลีย์ โดดลงมาเล่นในตลาดเอสยูวี ด้วย “เบนเทย์กา” มันกลายเป็นรถที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง เพราะเบนท์ลีย์ ยืนยันว่านี่คือ รถเอสยูวี ที่วิ่งได้เร็วที่สุดในโลก ซึ่งก็เป็นการยืนยันที่ชัดเจนว่า เอสยูวี ไม่จำเป็นต้องใช้งานออฟโรดอีกต่อไป
เบนเทย์กา มีให้เลือกเริ่มจากรุ่นใหญ่เครื่องยนต์ W12 ขนาด 6.0 ลิตร รุ่น เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร และดีเซล 4.0 ลิตร
ส่วนคันนี้ เป็น V8 ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน ทวิน เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 542 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร ที่ 1,960 รอบ/นาที การส้าแรงบิดได้ในรอบต่ำจึงไม่แปลกใจที่มันจะฉุดให้รถคันใหญ่ น้ำหนัก 2,388 กก.ออกตัวได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม.ชม. ในเวลาแค่ 4.5 วินาทีเท่านั้น ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 290 กม./ชม.โดยทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ ออลวีลไดรฟ์
เบนเทย์กา มีขนาดความยาวตัวถัง 5,140 มม. ความกว้าง 2,224 มม. และความสูง 1,742 มม. รูปทรงด้านนอกดูบึกบึน และมีเอกลักษณ์ร่วมความเป็นครอบครัวเบนท์ลีย์ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า รูปทรงโคมไฟ
ตัวถังรถรวมๆ ดูบึกบึน ตันๆ สักหน่อย ออกแบบไม่ได้หวือหวามากนัก ออกแนวอนุรักษ์ด้วยซ้ำไป แต่ผมว่ารวมๆ แล้วดูดี และน่าจะดูได้นานๆ ไม่เบื่อครับ
ภายห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งได้สบายเต็มที่สำหรับ 4 คน โปร่งโล่งสบายทุกที่นั่ง พร้อมจอส่วนตัวสำหรับผู้โดสารด้านหลัง ม่านบังแดดด้านข้าง และคอนโซลกลางสำหรับที่นั่งด้านหลัง
การออกแบบภายใน ทำได้ลงตัวผมชอบ เป็นการให้น้ำหนักกับความคลาสสิคมาเป็นพิเศษ และเพิ่มอารมณ์ทันสมัย ร่วมสมัยเข้าไป ตัวควบคุมการปิดเปิดลมจากเครื่องปรับอากาศเป็นแนวคลาสสิคชัดเจน ทำเป็นก้านดึงออก ดันเข้า เช่นเดียวกับนาฬิกาที่ยังคงควาามคลาสสิคเช่นกัน
คอนโซลเกียร์ มีขนาดใหญ่ ติดตั้งปุ่มควบคุมการทำงานต่างๆ หลายอย่างไว้ที่นี่ รวมถึงปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย ซึ่งคอนโซลเกียร์ที่ใหญ่ เมื่อนั่งอาจจะรู้สึกว่าติดกับเข่าซ้าย แต่ว่าไม่ได้ติดเแบบเบียดให้เข่าซ้ายเต้องไปทางขวา ซึ่งจะไม่สบายตัว แต่การมีระยะประมาณนี้ผมว่าดี ซึ่งจะเห็นประโยชน์ของมันเมื่อต้องขับขี่ในเส้นทางโค้ง ด้วยการใช้เข่าดันให้แนบบกับคอนโซล ช่วยให้การควบคุมรถทำได้ดีขึ้น
จุดเด่นอีกอย่างของภายในห้องโดยสาร คือการสัมผัส ที่ไม่กระด้างมือ แขน หรือข้อศอก วัสดุที่ให้มามีความนุ่มพอดีๆ ก็ช่วยให้นั่งได้สบายเพลิดเพลินเช่นกัน
ผมชอบตรงการทำงานของอุปกรณ์ควบคุมบางอย่าง ซึ่งอาจจะมองว่ามันไม่สำคัญ จนกระทั่งได้ใช้จริงครับ อย่างเช่นก้านไฟเลี้ยว เมื่อโยก หรือปลดจะรู้สึกได้ว่ามันนุ่มเนียนกว่ารถคันอื่นๆ ซึ่งเป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ที่เชื่อว่าตั้งใจทำออกมา และทำให้รู้สึกดีกับเงินที่ต้องจ่ายออกไปขนาดนั้น
ออปชั่นต่างๆ ผมจะไม่พูดถึงมาก เพราะว่ามันมีมาเต็มที่อยู่แล้วครับ
ข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากข้อมูลโรงงาน ระบุไว้ที่ 8.77 กม./ลิตร ส่วนการขับขี่จริงของผม รวมระยะทางเกือบๆ 300 กม. อยู่ที่ 7.29 กม./ลิตร ก็ถือว่าน่าพอใจ และรับได้ครับ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงกำลังซื้อของลูกค้าสำหรับคันนี้ที่มีค่าตัว 21.5 ล้านบาท
ผมใช้เส้นทางการขับขี่ทั้งในกรุงเทพฯ เริ่มต้นแถวแยกอโศกสุขุมวิท และออกต่างจังหวัดไปสุพรรณบุรี ย้อนกลับมาทางนครปฐม และกลับเข้ากรุงเทพ ซึ่งรวมๆแล้วมีสภาพจราจรที่หลากหลาย
สิ่งแรกของการทดสอบคือ อัตราเร่ง เมื่อเลี้ยวรถออกจากตึกซีทีไอ สำนักงานใหญ่เบนท์ลีย์ แบงค็อก เข้าไปร่วมถนนกับรถคันอื่น ผมกดคันเร่งเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อรถที่กำลังมุ่งหน้ามาจากสี่แยกให้ต้องเบรกหรือเปลี่ยนช่องทางหลบรถที่โผล่มาขวางหน้า ซึ่งเบนเทย์กาก็ตอบสนองอย่างดีมันพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกได้ว่าวันนี้ต้องสนุกกับมันแน่ๆ
แต่หลังจากนั้น อย่างน้อยเกินครึ่งชั่วโมงที่ต้องฟันฝ่าจราจรที่หนาแน่นในเมือ แต่ก็ไม่เป็นไรการที่รถนั่งสบายๆ เบาะนุ่ม กระชับลำตัว ช่วยให้ไม่เมื่อยล้า แถมมีระบบนวดให้อีก ก็นวดกันไป พร้อมกับเสียงเพลงเบาๆ จากเครื่องเสียงที่มีคุณภาพเสียงทีดี ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้
เมื่อออกไปย่านชานเมือง ที่เริ่มทำความเร็วได้มากขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหากับการจราจรที่สะเปะสะปะ ขับรถไม่เป็นระเบียบ แรงบิดเข้ามาช่วยอีกครั้ง กับการต้องซอกแซกเปลี่ยนเลนไปมา ซ้ายที ขวาที มันช่วยให้รถที่มีขนาดตัวถังใหญ่คล่องตัวในการขับขี่ และกลมกลืนไปกับรถคันอื่น และสภาพจรจรเป็นอย่างดี
เมื่อออกนอกเมือง เริ่มทำความเร็วได้มากขึ้น ผมลองใช้โหมดขับขี่ ทั้ง sport, comfort และ bentley ซึ่งสภาพถนนที่ไม่เรียบนัก การใช้ comfort ก็ช่วยให้นั่งนุ่มๆ สบายๆ ซึ่งผู้โดยสารน่าจะชอบ แต่ว่าวันนี้ผมขับคนเดียว และผมไม่ชอบนุ่มๆ สักเท่าไร ลองขยับไปที่ sport ซึ่งก็ได้อารมณ์สปอร์ตมาเต็มๆ เช่นกัน การตอบสนองของเครื่องยนต์ พวงมาลัย และช่วงล่าง
ผมขยับไปที่โหมด bentley ให้รถปรับให้อัตโนมัติตามสภาพการณ์ต่างๆ และในที่สุดก็ได้คำตอบว่าถนนบ้านเรา ใช้โหมดนี้เหมาะที่สุดครับสำหรับผม เพราะแม้ว่า sport ทำให้ขับสนุก แต่ว่าเส้นทางบ้านเราอาจจะไม่เหมาะนัก
และสิ่งหนึ่งที่ชอบคือน้ำหนักของพวงมาลัยที่แปรผันตามความเร็วอย่างชัดเจน ที่ความเร็วสูงๆนี่หนักขึ้นถนัดใจ ดีครับ เพราะช่วยให้การขับที่ความเร็วสูงๆ ทำได้อุ่นใจ เมื่อรวมกับช่วงล่างที่จัดการได้ดี ทำให้ที่ความเร็วสูงๆ ขึ้นระดับเลข 2 รถนิ่งมาก ต้องย้ำอีกครั้งว่านิ่งมาก นิ่งจริงๆ ไม่มีอาการอะไรให้ต้องแอบเสียวเลย แต่ก็ย้ำนะครับว่า เป็นการลองในช่วงสั้นๆ และดูแล้วว่าโล่งจริงๆ เท่านั้น
ช่วงล่างนิ่งจริงที่ความเร็วสูง และความเงียบในห้องโดยสาร ทำให้รู้สึกผ่อนคลายในการขับขี่
ขณะที่เส้นทางจากสองพี่น้อง ผ่านมาทางบางเลนไปศาลายา หลายช่วงเป็นเส้นทางเล็กๆ ลัดเลาะเลี้ยวไปมา ไม่ได้เป็นเส้นตรง ก็ได้ลองการขับขี่ในทางโค้งกันช่วงนี้ และผ่านไปได้ไม่ยาก แม้จะรับรู้ได้ว่าช่วงล่างทำงานหนักไม่น้อย ในการดึงรถที่มีน้ำหนักมากที่มีแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ให้อยู่ในช่องทางขณะที่ใช้ความเร็วพอควร ซึ่งต้องยอมรับครับว่ามันจัดการได้ดี ทำให้การขับขี่ได้ทั้งความสนุกและทำเวลาได้ดี ไม่ได้หมายความว่าขับเร็วมาก แต่การที่ทางเล็กคดโค้งไปมา ถ้ารถที่มีการทรงตัวไม่ดี จัดการโค้งไม่ได้ เราจะเสียเวลากับเส้นทางแบบนี้ไปมากทีเดียว
ราว 300 กม. กับเบนเทย์กา ต้องยอมรับทำออกมาได้ดี และเป็นรถที่สามารถขับขี่ได้ในจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นนอกเมือง หรือในเมืองที่ปริมาณรถหนาแน่นก็ตามครับ
*****