ทำไมถึงได้ 'รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี' พิสูจน์ 'มาสด้า 3' ขับดีจริงไหม
มาสด้า 3 เพิ่งคว้ารางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2562” หรือ Thailand Car of The Year 2019 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย หรือ สรยท. ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ไปสดๆ ร้อนๆ
สำหรับ รางวัลของ สรยท. ไม่มีแบ่งประเภท หมายถึงมีแค่คันเดียวเท่านั้นที่จะได้รางวัลนี้ไปครอง โดยมีกฎเกณฑ์หลักๆ เช่น ต้องเป็นรถที่ผลิตในไทย และอาเซียน เป็นรถรุ่นใหม่ ไม่ใช่รุ่นพิเศษ หรือไมเนอร์เชนจ์
มาสด้า 3 ใหม่ เป็นรถในเจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งช่วงเปิดตัวถือว่าร้อนแรงทีเดียว เพราะแค่ 4 วันแรก มียอดจองมากกว่า 1,100 คัน ทำลายสถิติเดิมที่เจเนอเรชั่น 1 เคยทำไว้เมื่อปี 2547 ด้วยตัวเลขกว่า 1,000 คัน
มาสด้า 3 เป็นรถในกลุ่ม ซี-เซ็กเมนต์ ซึ่งตลาดรวมค่อนข้างนิ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่การมาของรุ่นล่าสุด ผู้บริหารมาสด้าเชื่อว่าจะทำให้ยอดขายเติบโตขึ้น และผลักดันให้ภาพรวมซี-เซ็กเมนต์ขยายตัวขึ้นเช่นกัน
มี 2 ตัวถังให้เลือกเช่นเดิม คือซีดาน 4 ประตู และ ฟาสต์แบ็ค 5 ประตู โดยฟาสต์แบ็ค ซึ่งเน้นเรื่องของอารมณ์สปอร์ตมากกว่ามีตัวถังที่สั้นลงกว่ารุ่นเดิม 1 ซม. ส่วนซีดานซึ่งวางให้มีความหรูหรามากขึ้น ตัวถังยาวขึ้นกว่าเดิม 8 ซม.
และทั้ง 2 รุ่น มีระยะฐานล้อยาวขึ้นกว่าเดิม 2.5 ซม. นั่นหมายความว่ามีส่วนในการยืดห้องโดยสารภายในอีกเล็กน้อย และโอเวอร์แฮงก์ที่สั้นลง ทำให้การควบคุมรถทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นฟาสต์แบ็คที่ตัวถังสั้นลง ซึ่งผมเฉลยล่วงหน้าตรงนี้เลยว่า ขับดีกว่ารุ่นซีดาน 4 ประตู เล็กน้อย
การออกแบบโดยรวมยังมีแนวคิดของรุ่นเดิม แต่โฉบเฉี่ยวขึ้นอย่างชัดเจน และมีแนวทางที่เปลี่ยนไป จากแนวคิด Less is More ลดเอาสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งรวมถึงรูปแบบตัวถังที่ลดเส้นสายต่างๆ ลง แต่ใช้รูปทรงที่มีทั้งเว้าทั้งนูน เป็นตัวทำให้เกิดมิติจากการตกกระทบและหักเหของแสงแทน
สวยไม่สวยอยู่ที่ความชอบของแต่ละคน แต่ผมว่าสวยดีครับ รูปทรงโดยรวมดูสมส่วนมากขึ้น และสปอร์ตขึ้นใน ฟาสต์แบ็ค
แต่แม้ว่าจะยืดระยะฐานล้อออกไป และรุ่นซีดานที่ยืดตัวถังออกไปอีก 8 ซม.เรียกว่ายาวที่สุดในตลาดซ๊-เซ็กเมนต์ ตอนนี้ แต่ห้องโดยสารของมาสด้า 3 ที่เพิ่มพื้นที่มากขึ้นก็ยังไม่เห็นชัดเจนนัก แต่ก็นั่นแหละการออกแบบรถที่เน้นสปอร์ต ก็ต้องยอมรับให้ได้ในเรื่องนี้ เพราะเส้นสายหลังคา หรือว่าตัวถังเองจะบีบๆ เน้นความโฉบเฉี่ยว และแอโร่ไดนามิค ซึ่งการที่มันไม่ได้ใหญ่ขึ้นชัเจนมันก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไป
แต่สิ่งที่ดีของภายในห้องโดยสารคือ การออกแบบเบาะนั่งที่นั่งได้สบายขึ้น แม้ตัวเบ่าะจะดูแข็งขึ้น แต่รองรับสรีระได้ดี ช่วยให้นั่งนานๆ ได้สบาย และที่สำคัญคือมีผลต่อการควบคุมรถได้ดีจากการโอบกระชับลำตัว ไม่ลื่นไถลไปไหน
ทั้งนี้การออกแบบภายในโดยรวม เป็นไปตามแนวคิดของมาสด้าที่ว่า ยิ่งน้อยยิ่งดี จะเห็นได้ว่าคอนโซลหน้าค่อนข้างเรียบ แม้แต่ช่องแอร์ก็เหมือนจะซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ปุ่มควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ลดน้อยลง เพื่อลดการรบกวนผู้ขับให้มากที่สุด ซึ่งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบครับผมว่ามันดูดี ดูเรียบๆ ดี และน่าจะดูได้นานๆ
มาสด้าบอกว่าเพิ่มในสิ่งที่ควรเพิ่ม เช่น การแสดงข้อมูลที่กระจกบังลมหน้า ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมที่แสดงผ่านแผ่นพลาสติกใสหลังพวงมาลัย ซึ่งตำแหน่งอาจไม่ดีนักเพราะผู้ขับจะต้องเหลือบตาลงไปดู แต่การเปลี่ยนมาแสดงบนกระจกหน้าทำให้ผู้ขับสามารถมองเห็นเส้นทางได้พร้อมๆ กับการดูข้อมูลการขับขี่ไปด้วย
มาสด้า 3 ใหม่ มาพร้อมกับอุปกรณ์และระบบต่างๆ มากมาย โดยในรุ่นท็อป ซึ่งมาพร้อมยางขนาด 215/45 R18 มีอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิทัล TFT แอลซีดี การเชื่อมต่อสื่อสาร "มาสด้า คอนเน็คท์" มาพร้อม แอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอ 8.8 นิ้ว ปุ่มควบคุมแบบเซ็นเตอร์ คอมมานเดอร์ เครื่องเสียงพร้อมลำโพงโบส 12 ตำแหน่ง คุณภาพเสียงดี
ระบบควบคุมความเร็วและควบคุมพวงมาลัยตามรถคันหน้า หมายถึงรถเลี้ยวเองตามคันเหน้า ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบไฟหน้าอแดปทีฟ แอลอีดี ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง
และจุดเด่นอีกอย่างที่ได้จากห้องโดยสารคือ ความเงียบ ที่เงียบจริง แม้จะใช้ความเร็วค่อนข้างสูงครับ
เครื่องยนต์ยังเป็นบล็อคเดิม คือ สกายแอคทีฟ จี 2.0 ลิตร แต่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่าง เช่น วัสดุ การฉีดเชื้อเพลิง องศาลูกสูบ โดยผลที่ได้มานั้น กำลังสูงสุดไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังอยู่ที่ 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แต่แรงบิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 210 นิวตันเมตร เป็น 213 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองจากการทดสอบของโรงงานดีขึ้นจาก 15.6 กม./ลิตร เป็น 15.9 กม./ลิตร และการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงจาก 150 กรัม/กม. เป็น 149 กรัม/กม.
มาสด้า 3 ยังคงยึดมั่นใช้เกียร์ อัตโนมัติ 6 สปีด แอคทีฟเมติก สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตัวเอง ขณะที่หลายรุ่นในตลาดหันไปคบกับเกียร์ซีวีที ซึ่งมีน้ำหนักที่เบากว่า โดยมาสด้าบอกว่า อารมณ์ของรถที่เน้นสปอร์ตเป็นหลัก ควรจะต้องอยู่กับเกียร์แบบนี้ ไม่ใช่ ซีวีที
สิ่่งที่เปลี่ยนแปลงหลัก ก็คือช่วงล่างด้านหลังที่หันมาใช้ ทอร์ชั่น บีม ส่วนด้านหน้าใช้ แมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งแน่นอนจะมีคำถามตามมาว่า ทำไมหันไปใช้ทอร์ชั่นบีมที่หลายคนมองว่าสู้ระบบอิสระไม่ได้ เรื่องนี้มาสด้าบอกว่า การออกแบบยุคใหม่ทำให้ทอร์ชันบีมทำหน้าที่ได้ดีกว่าแมคเฟอร์สัน สตรัทด้วยซ้ำไป เพราะทำให้หน้ายางสัมผัสกับผิวถนนได้เต็มที่ตลอดเวลา นอกเหนือจากสิ่งทีไ่ด้ตรงๆ ก็คือ น้ำหนักที่ลดลงกว่า 10 กก.
แต่แม้ช่วงล่างหลังจะเบาลงกว่า 10 กก. แต่ว่าน้ำหนักรวมกลับเพิ่มขึ้นประมาณ 10 กก. ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะมาสด้าใส่อะไรเข้าไปมากมาย ระบบต่างๆ อัดแน่นเต็มคันรถ
การเปลี่ยนแปลงของช่วงล่างเป็นอย่างไร ผมมีคำตอบครับ หลังจากได้ขับรุ่นท็อป SP ทั้ง 2 ตัวถัง ในเส้นทางภูเก็ต-พังงา-ภูเก็ต ผ่านเส้นทางที่สวยงามและหลากหลายรูปแบบ และแน่นอน มาสด้าเลือกเส้นทางเขาคดโค้ง เอาไว้หาคำตอบดีเอ็นเอสปอร์ตเอาไว้ด้วย
และก็ยืนยันอีกครั้งว่าช่วงล่างเจนเนอเรชัน 4 ทำได้ดีกว่า เจนเนอเรชั่น 3 รถนิ่งกว่า การขับขี่ในทางโค้งแบบรวดเร็ว รถนิ่งมาก การเกาะถนนยังเป็นจุดเด่นที่คัญ ความมั่นคงของตัวรถทำให้รู้สึกได้ว่าเรากับรถไปพร้อมๆกัน ในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเพราะรถถ่ายทอดอารมณ์ สถานการณ์มาให้ผู้ขับขี่ได้ล่วงรู้ในเวลาเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการประเมินสถานการณ์หรือว่าการแก้สถานการณ์หากรถเสียการทรงตัว
แต่เท่าที่ลอง ไม่มีอาการดังกล่าวถึงขั้นต้องกังวล อาจจะมีบ้างคืออันเดอร์สเตียร์นิดๆ เมื่อเราใส่ความเร็วที่สูงเกินไป แต่เอาเข้าจริงก็แทบไม่ต้องแก้อาการอะไร เพราะรถมีระบบช่วยจัดการให้เรียบร้อย
พวงมาลัยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องได้รับคำชม น้ำหนักดี มีความแม่นยำสูง ช่วยให้การขับขี่แบบสปอร์ตทำได้สนุก
ระบบที่มาสด้านำเสนอคือ จีวีซี พลัส (G Vectoring Control+) ที่ยกระดับขึ้นมา ก็ทำงานได้ดีเช่นกัน ช่วยให้รถลดอาการโคลงตัว คนขับสนุก คนนั่งก็ยังนั่งสบาย
ส่วนเครื่องยนต์ ก็เพียงพอที่ช่วยให้มาสด้า 3 ใหม่ ขับได้สนุก แต่หากเทียบกับคู่แข่ง อาจจะไม่ได้เด่นออกมาชัดเจน อาจจะจี๋ดจ๊าดสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำไป ทำให้หลายคนบอกว่าเสียดาย ที่ช่วงล่างดีๆ เครื่องยนต์น่าจะร้อนแรงกว่านี้อีกสักหน่อย
แต่ผมว่า แค่นี้ก็พอต่อการใช้งานแล้ว และคงหาใครมาแหย่มันยาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเส้นทางคดโค้งหรือต้องซอกแซกไปมา
และที่สุดแล้ว ก็ต้องบอกว่ามาสด้า 3 เหมาะสมแล้วกับรางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2562”