มโนยนต์ ตั้งเป้าขายปีนี้โต 10% ลุยเพิ่มสินค้า-เจาะซีแอลเอ็มวี
มโนยนต์ เผยยอดขายชิ้นส่วน-อะไหล่ยานยนต์ปี 62 โต 7% มั่นใจปีนี้ขยายตัวต่อเนื่อง 10% แม้เศรษฐกิจซึม ตลาดรถยนต์ติดลบ เหตุยอดรถสะสมรถยนต์พุ่ง 20 ล้านคัน เดินหน้ารุกตลาด “ซีแอลเอ็มวี” สานแผนการเป็นบริษัทชั้นนำภูมิภาคอาเซียน
นายปรเมศร์ ลี้โกมลชัย กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท มโนยนต์ และรองประธานกรรมการ บริษัท เอ็ม.เอ็น. อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่าแม้ปัจจุบันตลาดรถยนต์จะไม่ดีนัก ปีที่ผ่านมาติดลบ 3.3% และคาดว่าปีนี้จะติดลบต่อเนื่อง รวมถึงภาคการผลิตที่ลดลงด้วยเช่นกัน แต่ส่งผลกระทบกับตลาดอะไหล่ทดแทนไม่มาก เนื่องจากผู้ใช้รถยังมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนอะไหล่ตามอายุ หรือสภาพใช้งาน ทำให้ปีที่ผ่านมากลุ่มนโมยนต์ สามารถสร้างยอดขายรวมได้ 6,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า ส่วนปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อย 10%
“แม้ว่าตลาดรถยนต์จะติดลบ ซึ่งมีผลต่อชิ้นส่วนประกอบ แต่สำหรับอะไหล่ การที่ประชากรมีจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นปีที่แล้วแม้ตลาดไม่ดี แต่ก็มีรถออกสู่ท้องถนนกว่า 1 ล้านคัน ทำให้ปัจจุบันมีประชากรรถยนต์ในไทย 20 ล้านคัน โดยเป็นรถขนาดเล็กประมาณ 14 ล้านคัน และมีรถที่มีอายุใช้งานมากกว่า 5 ปีขึ้นไปจำนวนมากเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องเปลี่ยนชิ้่นส่วน”
ทั้งนี้กลุ่มมโนยนต์มีธุรกิจในเครือรวม 14 บริษัท ดำเนินธุรกิจทั้งการผลิตชิ้นส่วนป้อนเข้าโรงงานผลิตรถยนต์ และอะไหล่ทดแทน เช่น ระบบเกียร์ ปั๊ม น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ช็อค แอบซอร์เบอร์ สายพาน สปริง ไส้กรอง ระบบเบรก ช่วงล่าง ระบบไฟฟ้า ใบปัดน้ำฝน สีเคลือบ อะไหล่เครื่องจักรการเกษตรและอุตสาหกรรม ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ค้าขายออนไลน์ และธุรกิจ ส่งออก เป็นต้น
ส่วนการตั้งเป้าหมายเติบโต 10% นอกจากเป็นผลจากประชากรรถยนต์เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัททั้งการแนะนำสินค้าใหม่ เพิ่มความหลากหลาย การทำงานร่วมกับเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่ใกล้ชิดมากขึ้น โดยปัจจุบันมีตัวแทนกระจายสินค้า 14 ราย ซึ่งร่วมกันสร้างช่องทางการขายผ่านร้านค้า อู่ หรือว่าโมเดิร์นเทรดต่างๆ รวมกว่า 7,000 แห่ง
อีกปัจจัยหนึ่งที่จะสร้างการเติบโตของกลุ่มก็คือ การขยายธุรกิจไปยังประเทศซีแอลเอ็มวี ทั้ง กัมพูชา เวียดนาม ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นหนึ่งในการก้าวสู่เป้าหมายของกลุ่มที่ตั้งไว้คือ การเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ซีแอลเอ็มวี เป็นประเทศที่ถือว่าเป็นบลู โอเชียน ที่ตลาดรถยนต์ใหม่ และมือสองเติบโตที่น่าสนใจ ด้วยตัวเลข 2 หลัก แม้ว่าฐานจะยังไม่ใหญ่นัก แต่มีทิศทางการขยายตัวที่ดี”
นายปรเมศร์กล่าวว่า การทำธุรกิจในซีแอลเอ็มวีนั้นแต่ละตลาดจะต่างกันออกไป โดยลาวใช้รถใกล้เคียงกับไทยมากที่สุด เวียดนาม จะเป็นตลาดของกลุ่มซับ คอมแพคท์ และเอ็มพีวี และเริ่มมีรถปิกอัพมากขึ้น ขณะที่เมียนมายังมีทิศทางที่ไม่แน่นอนนักจากนโยบายของภาครัฐที่ยังไม่นิ่ง ส่วนกัมพูชามีรถยนต์เฉพาะกลุ่มซึ่งต่างจากไทย เพราะมีรถมือสองที่นำเข้าจากสหรัฐจำนวนมาก จึงถือว่าเป็นตลาดที่มีความยากที่สุด
ส่วนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เวียดนามและกัมพูชา บริษัทจะเข้าไปลงทุนเอง ส่วนลาว เป็นการส่งสินค้าเข้าไปจำหน่าย ขณะที่เม่ียนมาช่วงนี้เริ่มส่งออกตามชายแดน แต่รูปแบบที่ชัดเจนจะสรุปในปีนี้
นายนิติ ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม.เอ็น. อินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ในเครือมโนยนต์ ผู้จำหน่ายช็อค แอบซอร์เบอร์ โตคิโคะ กล่าวว่า ปัจจุบัน โตคิโคะ ได้รับความนิยมจากผู้ผลิตรถยนต์หลายราย โดยบริษัทป้อนเข้าสู่สายการผลิตทั้ง ฟอร์ด มาสด้า โตโยต้า อีซูซุ นิสสัน มิตซูบิชิ และซูซูกิ และยังเป็นผู้จำหน่ายอันดับต้นๆ ในตลาดอะไหล่ทดแทน นอกจากนี้ยังมีตลาดส่งออกอีกหลายประเทศด้วย โดยแต่ละปีมียอดการผลิตประมาณ 7 ล้านต้น และส่งออกประมาณ 20-25%
และปีนี้บริษัทรุกตลาดด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ 3 ซีรีส์ คือ 1.พาวเวอร์-พลัส ซึ่งเป็นช็อค แอบซอร์เบอร์น้ำมันกระบอกยาว แกนใหญ่ 16 มม. เหมาะกับรถปิกอัพที่เสริมแหนบช่วงล่างให้สูงขึ้น 2. อัลฟ่า-พลัส ซึ่งมีสมรรถนะสูง รองรับรถที่ใช้ความเร็วและบรรทุกหนัก และ 3. เอส-พลัส ชนิดแก๊ส ตอบสองการขับขี่ในรูปแบบสปอร์ต คาดว่าสินค้าใหม่จะม่ีส่วนช่วยให้ โตคิโคะ ติบโตในปีนี้มากกว่า 10%