รวมรถขับ ประทับใจ ปี 63
ปี 2563 ที่ผ่านมา แม้จะต้องอยู่กับ โควิด-19 แต่ในตลาดรถยนต์พบว่ามีรถออกสู่ตลาดจำนวนมาก และมีรถให้ได้ลองขับกันหลายรุ่น ซึงแต่ละคันก็มีจุดเด่น จุดน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป
ปี 2564 นี้ตามแผนการเดิม จะมีรถรุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดหลายรุ่น ทั้งรถที่ใช้เครื่องยนต์แบบเดิม และรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี ไม่ว่าจะเป็นอาวดี้ “อี-ทรอน จีที” ที่ใช้แพลทฟอร์มร่วมกับ ปอร์เช่ ไทคานน์ บีเอ็มดับเบิลยู เตรียมนำเข้า “ไอเอ็กซ์-3” อีวี ที่ใช้แพลทฟอร์มของเอ็กซ์-3 วอลโว่ ยังไม่เปิดเผยว่าจะทำตลาดรุ่นไหน แต่มีแน่ ส่วนเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่พับแผน “อีคิวซี” ไป ก็คาดว่าจะไปเล่นรุ่นใหญ่อย่าง “อีคิวเอส” แทนช่วงปลายปี
เอ็มจี ที่ทำตลาดแล้ว 2 รุ่น ผู้บริหารบอกว่าอยากจะเพิ่มอีวี อีก 1 รุ่น ส่วนเพื่อนร่วมชาติอย่าง “เกรทวอลล์” ที่ปีนี้จะเริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการด้วยเอสยูวี “ฮาวาล” แต่ก็มีข่าวว่าสนใจนำเข้า อีวี เช่นกัน
แต่การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 อาจทำให้แผนการบางอย่างต้องเลื่อนออกไป เช่น กิจกรรมการลองขับ "นิสสัน นาวารา" หรือว่า "มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี" ที่กำหนดไว้ในช่วงกลางเดือนนี้
แต่เชื่อว่าในภาพรวมแล้ว แผนธุรกิจต่างๆ ยังคงเดินหน้าต่อไป แต่ปรับเปลี่ยนเวลา และรูปแบบให้มีความเหมาะสมมากขึ้น
แต่ก่อนที่จะไปว่ากันถึงรถใหม่ๆ ที่จะมาในปีนี้ ผมขอสรุปการลองขับในปี 2563 แบบสั่นๆ และขอเลือกเอารถที่รู้สึกประทับใจ เป็นการสรุปด้วยตัวเอง ไม่มีหลักวิชาการอะไร และไม่ได้หมายความว่าคันที่ไม่ได้เลือกมาจะด้อยกว่า แต่คันที่เลือกมันมีความลงตัวทั้งเรื่องของตัวรถ เรื่องการขับในช่วงเวลานั้นๆ หรือ สภาพแวดล้อมต่างๆ
- BMW 218i Gran Coupe
เริ่มจาก บีเอ็มดับเบิลยู "218i Gran Coupe" คันนี้ผมเดินทางไปขับที่่โปรตุเกสก่อนการระบาดของโควิด-19 เล็กน้อย และสร้างความประทับใจในสัมผัสแรก แม้ว่าจะมีคำถามว่าเครื่องยนต์เบนซิน ทวินเพาเวอร์ เทอร์โบ3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร จะเพียงพอไหม ตอบได้เลยว่าพอครับ กับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 8.7 วินาทีความเร็วสูงสุด 215 กม./ชม.
ความประทับใจแรก มาจากการเอาใจใส่ของทีมงานที่นั่น เพราะกิจกรรมครั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู เตรียมซีรีส์ 2 ให้ลองกันหลายรุ่นย่อย แต่ไม่มี 218i แต่อย่างใด
แต่เราก็รู้จากทีมงาน บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยว่า รุ่นที่จะทำตลาดในไทยคือ 218i ดังนั้นจึงแจ้งทีมงานที่นั่น ว่าอยากจะลองรุ่นนี้ ซึ่งปรากฏว่าเขาจัดการหามาให้ตามคำร้องขอ
วันนั้นผมขับอยู่ในย่าน เบเลม และ อัลมาด้า เส้นทางมีทั้งซอกแซกในเขตเมือง เป็นถนนเล็กๆ เล็กขนาดที่บางช่วงจะเลี้ยวต้องระวังขอบตึกให้ดี เส้นทางไฮเวย์ รวมถึงเส้นทางชันๆ
เป็นรถที่เครื่องยนต์ตอบสนองว่องไว อัตราเร่งดี เร่งแซงรวดเร็ว ช่วงล่างไว้ใจได้ และน่าจะจับตลาดได้กว้างขึ้น เพราะได้ทั้งอารมณ์สปอร์ตและความนุ่มนวล เช่นเดียวกับห้องโดยสารที่ทั้งสปอร์ต และดูหรู ซึ่งผมชอบแถบไฟที่คอนโซลหน้า และแผงข้างประตู ซึ่งปรับเปลี่ยนสีได้ตามชอบ โดยเฉพาะแสงที่โผล่ออกมานั้นมีลวดลายสายเส้นเหมือนภาพ แอบสแตรค
แต่สำหรับภาพประกอบ เป็นรุ่น 220d ซึ่งเป็นอีก 1 รุ่นที่ขับที่ลิสบอนครับ
- เฟอร์รารี เอฟ8 ทริบูโต
การที่เฟอร์รารี จัดให้ลองรุ่นนี้ในสนาม พีระฯ ซึ่งบอกกันตามตรงว่า เซฟตี้ แอเรีย ไม่มาก พลาดไม่ได้ แต่เป็นสนามที่มีเสน่ห์ มีโค้งให้เล่นให้ลุ้น
การที่ "คาวาลลิโน่ มอเตอร์" จัดให้ขับกันแบบเต็มที่ ตามความสามารถของรถ และความสามารถของผู้ขับเอง โดยไม่มีอะไรมากั้น มาขวาง มาดักความเร็ว นอกจากจะทำให้สามารถเรียนรู้สมรรถนะของรถได้แล้ว ยังเป็นรูปแบบกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกประทับใจ
เครื่องยนต์ วี 8 ขนาด 3,902 ซีซี 720 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร กับน้ำหนักที่ลดลง 40 กก. ส่งผลให้ทริบูโต ขึ้นแท่นรถที่ทำความเร็วสูงสุดเท่าที่เฟอร์รารีเคยผลิตมา 340 กม./ชม.
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 2.9 วินาที และ 0-200 ใช้เวลา 7.8 วินาที ทำให้เมื่อออกจากโค้งหนึ่งไปอีกโค้งหนึ่ง มันพุ่งไปด้วยความเร็วที่โหด และสนามที่ทางตรงไม่มากยังทำความเร็วได้เกือบ 200 และเมื่อลดความเร็วอย่างฉับพลันพร้อมเลี้ยว รถยังทรงตัวได้เฉียบทำให้วางแผนการขับในเส้นทางข้างหน้า หรือโค้งต่อไปทำได้ง่าย
ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้การพัฒนาอากาศพลศาสตร์ที่แก้ปัญหาสูญเสียการยึดเกาะที่ล้อหน้าด้วยช่องลมตรงกลางที่ไหลขึ้นไปยังฝากระโปรงหน้า ช่วยกดหน้ารถลงไป เช่นเดียวกัน ด้านหลังก็ใช้ลมช่วยกดลงไปเช่นกัน
- มาสด้า‘ซีเอ็กซ์-30’
ไม่ทำให้แฟนๆ ที่คอยผิดหวัง และจุดเด่นของมาสด้าอย่างช่วงล่าง ก็ยังหาได้ในครอสโอเวอร์ที่มีความสูงมากกว่ารถยนต์นั่ง โดยช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท หลังทอร์ชันบีม เกาะถนนไว้ใจได้ และจัดการกับโค้งได้แม่นยำ ไม่มีอาการโยน หรือลื่นไถลให้รู้สึก และพวงมาลัยที่แม่นยำ
มีจุดที่ขัดใจอยู่บ้าง คือ ช่วงที่วิ่งผ่านเนิน เช่น คอสะพานจะรู้สึกได้ถึงอาการกระด้างและเด้งเล็กน้อยที่ด้านหลัง แต่ไม่มีผลต่อการควบคุมแต่อย่างใด เพียงแค่ทำให้รู้สึกไม่สมูทในความรู้สึกเท่านั้นเอง
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร อาจจะไม่ได้จัดจ้านนัก แต่สมดุลกับตัวรถ เรียกกำลังได้เร็ว เพิ่มความกระฉับกระเฉง และคล่องตัว
- นิสสัน คิกส์
เรียกว่าดีเกินคาด เมื่อได้ลองขับ จุดเด่นได้ทั้งการขับขี่ที่สนุกจากการตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้า และได้ความประหยัดจากการขับขี่ใช้งานทั่วไป และที่เติมความสนุกอีอย่างคือช่วงล่างที่เกาะถนนดี เล่นกับโค้งได้สนุก เป็นช่วงล่างที่เซ็ทมาให้ได้ทั้งอารมณ์สปอร์ตสำหรับผู้ขับแม้อาจจะไม่ถึงอารมณ์สายสปอร์ตเต็มตัวก็ตาม และความนุ่มนวลจากการดูดซับแรงสั่นสะเทือน ที่รู้สึกได้ชัดเจน เมื่อขับผ่านเส้นทางขรุขระ หรือมีอะไรขวางทาง
อีกระบบที่หากใครลองใช้จะติดใจคือ วัน แพดเดิล จะทำงานเมื่อเลือกโหมดขับขี่ สมาร์ท (S) และ อีโค (E) เพราะสามารถควบคุมรถได้ด้วยคันเร่งเพียงอย่างเดียว แทบจะตลอดการเดินทางเรียกว่า 80-90% ไม่ต้องย้ายเท้ามาที่แป้นเบรกแต่อย่างใด
- แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์
แม้ว่าอารมณ์เดิมๆ แบบดิบๆ เอกลักษณ์ของดีเฟนเดอร์ จะหายไปจนหมดสิ้น แต่รู เรื่องลุยยังเป็นเรื่องง่ายสำหรับ ดีเฟนเดอร์ ที่มีเครื่องยนต์ ดีเซล2.0 ลิตร 200 แรงม้า หรือ 240 แรงม้า เบนซิน 2.0 ลิตร 300 แรงม้า และเบนซิน 3.0 ลิตร 400 แรงม้า โดยทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ของแซดเอฟ
ดีเฟนเดอร์แฝงความสามารถใช้งานออฟโรดในรูปทรงสำอาง เช่น การยืดล้อทั้ง 4 ทำให้โอเวอร์แฮงก์สั้น นอกจากเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่บนท้องถนน ในเส้นทางนอกถนน ก็ดีด้วย เพราะเพราะมุมปะทะ และมุมจาก 38 และ 40 องศา ทำให้โอกาสที่รถจะจะขูดจะขุดกับหินกับดินมีน้อย
รวมถึงการใส่ออปชั่นช่วยขับขี่ เช่นกล้องถ่ายทอดภาพใต้ท้องรถด้านหน้าช่วยผู้ขับเลือกทิศทางได้ กรณีมองไม่เห็นทางด้านหน้าช่วงขึ้น-ลง เนิน โปรแกรมตรวจสอบความลึกของน้ำในระบบ Terrain Response 2 ที่แสดงผลให้เห็นที่หน้าจอ โหมดการขับขี่ที่ทางโคลน หญ้า ทางขรุขระ โดยมีระบบ Configurable Terrain Response สำหรับการขับขี่บนเส้นทางขรุขระที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกของโลก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำในทางออฟโรด เป็นต้น
- ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7
เป็นรถครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง ราคาย่อมเยาที่ทำได้ดีกว่าที่คาดหมาย การปรับอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ช่วยให้เครื่องยนต์ตัวเดิม ตอบสนองการใช้งานได้ดีขึ้น ทั้งการออกตัว หรือว่าอัตราเร่งแซง แถมด้วยความประหยัด
ช่วงล่างเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องชม เพราะนิ่งมากอย่างไม่น่าเชื่อในการขับขี่ทั่วไป การควบคุมรถไม่ต้องเกร็ง เดินทางไกลไม่เหนื่อย รถเกาะถนนดีและนิ่ง ทั้งทางตรงหรือว่าทางโค้งทั่วไป แต่ถ้าโค้งแคบหรือลึกมากๆ มีอาการโยนตัวให้รู้สึกได้ จากการที่เป็นรถที่มีความสูง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ถ้ารู้จักรถดีพอ รู้ว่าควรผ่อนช่วงไหน เล่นได้ช่วงไหน
ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 3 แม้ไม่ใหญ่นัก แต่ก็นั่งได้จริงครับ
- เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอเอ็มจี อี53
ผมให้นิยามคันนี้ว่า “แรง... ได้ทุกวัน” แน่นอนเรื่องความแรงของ เอเอ็มจี ไม่เป็นที่สงสัยอยู่แล้ว เครื่องยนต์ เบนซิน 6 สูบเรียง เทอร์โบคู่ 3.0 ให้กำลังสูงสุด 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตรและมีอีคิว บูสต์ แอสซิสต์ 22 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร
จุดเด่นไม่ใช่ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.5 วินาที แต่มันคือสามารถเรียกกำลังมาได้ในทุกย่านความเร็ว ที่สำคัญขับแล้วไม่เหนื่อย ในทุกสภาพจราจร ทั้งรถหนาแน่น รถติด หรือกำลังโลดแล่นอยู่คันเดียวในภูเขาที่อุดมไปด้วยทางโค้งก็ตามช่วงล่างที่เกาะถนนได้ดียังให้ความนุ่มนวล ดังนั้นจะขับไปทำงาน ขับไปเที่ยว หรือจะพาไปออกกำลังในแทรคก็ได้เช่นกัน
ทั้งหมดนี่คือความประทับใจในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ