เบนซ์ ‘E 300e AMG Dynamic’ นุ่ม สบาย แรง มาครบ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส เฟซลิฟท์ มีหน้าตาที่ดุดัน สวยงามขึ้น ขณะที่การใช้งาน E 300e AMG Dynamic ตอบสนองได้ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นผู้บรืหารนั่งเบาะหลัง หรือจะเป็นผู้ขับขี่ด้วยตัวเอง
ปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ออกตัวแรงทีเดียว ตั้งแต่ต้นปีส่งรถหลายๆ รุ่นมากระตุ้นตลาด ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหญ่อย่าง “GLS 350 d 4MATIC AMG Premium” รถเอสยูวี 7 ที่นั่ง รุ่นประกอบในประเทศ หรือ ซีเคดี ถัดมาเป็นการเปิดตัว “E-Class” เฟซลิฟต์ ตามด้วย รหัสแรง “AMG GLA 35 4MATIC” เอเอ็มจี ที่เข้าถึงง่ายที่สุดในขณะนี้ ด้วยราคา 3.19 ล้านบาท
และล่าสุด ก็ถึงเวลาของ "GLE 350 de 4MATIC” รถเอสยูวี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด
และที่น่าตื่นเต้นก็คือ การได้เห็นรหัส d ก่อนหน้า e นั่นหมายถึงว่า รถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ ดีเซล มันจึงเป็นดีเซล ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นแรกในไทย
- เครื่องยนต์ดีเซล 4สูบ แถวเรียง1,950 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์
- กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที
- แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่1,600-2,800 รอบ/นาที
- ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมกันสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.8 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ แบตเตอรี ลิเธียมไอออน ที่มีขนาดใหญ่ทีเดียว ความจุ 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จเต็มที่แล้ว สามารถขับขี่ได้ทะลุ 100 กม. เท่ากับว่า สำหรับบางคน การใชงานรถคันนี้ในชีวิตประจำวัน เหมือนกับการใช้รถพลังงานไฟฟ้า (EV) ดีๆ นี่เอง เพราะวันๆ อาจจะไม่ต้องพึ่งพาเครื่องยนต์เลยก็ได้
แต่ว่าวันนี้ผมไม่ได้มาพูดถึงรถคันนี้ครับ แต่บังเอิญเป็นความเคลื่อนไหวน่าสนใจ เลยขอแตะสักเล็กน้อย
ส่วนรุ่นที่จะว่ากันวันนี้ คือ “อี-คลาส เฟซลิฟท์” ซึ่งมี 3 รุ่นย่อย แต่ผมจะพูดถึงรุ่น E 300e AMG Dynamic รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งเป็นรุ่นที่ผมลองขับ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปสำหรับรุ่นย่อยนี้คือ
- กระจังหน้ารูปแบบใหม่ ไดมอนด์ เรดิเอเตอร์ กริลล์
- กันชนหน้ากันขนท้ายแบบเอเอ็มจี บอดี้สไตล์
- ไฟหน้า ไฟท้ายใหม่
- ฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่
- ล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 19 นิ้ว
แต่สิ่งที่หายไปคือระบบรักษาระยะห่างของ ครูส คอนโทรล ซึ่งทีมงานมีเหตุผลอธิบายได้ว่า เป็นเพราะตำแหน่งเรดาร์ที่อยู่บริเวณกันชนหน้าถูกบดบังด้วยป้ายทะเบียนแบบใหญ่ ทำให้ทำงานผิดพลาดได้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะไทยแห่งเดียว แต่ตลาดไหนที่ใช้ป้ายทะเบียนแบบนี้ระบบนี้จะหายไป ยกเว้นตลาดที่ใช้ป้ายแบบยาวเท่านั้น
รูปทรงโดยรวม ดูกลมกลืนลงตัว สวยงาม และสปอร์ตดีครับ เรียกว่าจะเป็นผู้บริหารนั่งเบาะหลังก็ได้ หรือคนหนุ่มสาวจะขับเองก็ไม่เคอะเขิน
ภายในห้องโดยสาร กว้างขวาง เพิ่มความโปร่งโล่งด้วยหลังคา พาโนรามิค ซันรูฟ ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
ส่วนการตกแต่งก็เป็นแบบ เอเอ็มจี อินทีเรียร์ แพคเกจ พวงมาลัยสปอร์ตใหม่แบบ 3 ก้านท้ายตัด กระชับมือ น้ำหนักดูจะเบาไปนิดๆ (สำหรับคนชอบหนักๆ) เมื่อขับขี่ด้วยโหมด อีโค หรือ คอมฟอร์ท แต่ถ้าปรับเป็นโหมดสปอร์ต นอกจากจะทำให้อารมณ์การตอบสนองของเครื่องยนต์ดุดันเพิ่มขึ้นแล้ว น้ำหนักพวงมาลัยที่เพิ่มขึ้นทำให้ควบคุมรถได้สนุกขึ้น ซึ่งผมเลือกใช้โหมดนี้เป็นหลักในการขับขี่เส้นทาง กรุงเทพ-บ้านฉาง
พวงมาลัยยังมีปุ่มควบคุมระบบต่างๆ ติดตั้งเอาไว้ รวมถึงทัชคอนโทรล 2 ตำแหน่ง ซ้าย-ขวา เอาไว้ควบคุมระบบต่างๆ หรือเลือกดูข้อมูลต่างๆ ได้สะดวก ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย แค่ใช้นิ้วโป้งไปถูๆ กดๆ แค่นั้น
เบาะกว้างขวาง นุ่มกำลังดีนั่งสบาย และมีโอบกระชับลำตัวพอควร ช่วยให้คุมรถง่ายขึ้น เมื่อต้องขับขี่แบบเปลี่ยนช่องทางไปมาบ่อยๆ และตำแหน่งการนั่ง กับการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งมือหรือเท้า ปรับเข้ากับร่างกายแต่ละคนไม่ยาก แม้จะมีสรีระที่ต่างกัน
เครื่องยนต์ เบนซิน แถวเรียง 4 สูบขนาด 1,991 ซีซี ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
- ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
- แบตเตอรี ลิเธียม ไอออน ขนาด 13.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง
- การขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เมอร์เซเดส-เบนซ์ ระบุว่า ทำได้ไกลกว่า 50 กม.
- สำหรับการขับขี่ใช้งานจริงของผม ทั้งในเมืองและออกสู่มอเตอร์เวย์ได้ประมาณ 40 กม.
การตอบสนองของเครื่องยนต์ และระบไฮบริดโดยรวม จัดจ้านไม่เป็นรองใครครับ อัตราเร่งมาอย่างต่อเนื่อง เลยเลข 2 ไปไม่ยาก หรือการขับขี่ที่เปล๊่ยนความเร็วไปมาบ่อยๆ จากสภาพจราจร E 300 e ทำได้ดีเลย
บวกกับช่วงล่างที่แน่น เข้า-ออกโค้งแบบที่รู้สึกได้ว่าล้อยังเกาะแน่นอยู่กับเส้นทาง ไม่พยายามดื้อออกนอกลู่นอกทาง เรียกง่ายๆว่าให้ความรู้สึกเป็นรถที่หนักแน่น ช่วยให้การเดินทางคล่องตัวมาก ทำเวลาได้ดี
และขณะเดียวกัน ความนุ่มนวลก็มีให้ ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี รับรองผู้โดยสารไม่บ่นแน่
ส่วนเรื่องออปชั่นต่าง ทั้งเพื่อความสะดวกสบาย หรือความปลอดภัย ก็ใส่เอาไว้เต็มคัน เช่น
- แอมเบียนท์ ไลท์ 64 เฉดสี
- ระบบเสียง Burmester surround sound system
- ลำโพง 13 ดอก
- ระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจร
- ระบบแจ้งเตือนก่อนเปิดประตู
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน
- ระบบช่วยเหลือก่อนเกิดอุบัติเหตุ PRE-SAFE
- เซ็นเซอร์รอบคันจำนวน 12 จุด
- ระบบช่วยการนำรถเข้าจอด
- กล้องแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา
- ระบบ MBUX แสดงผลผ่านหน้าจอแบบ Digital Widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว 2 หน้าจอ
- ระบบสั่งการด้วยเสียงรูปแบบใหม่ เริ่มต้นทำงาน โดยพูดว่า “Hey Mercedes”
- ระบบเชื่อมต่อ Smartphone integration ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto
- ระบบแผนที่นำทางแบบ 3 มิติ
- ระบบสัญญาณ 4G-LTE แบบ E-SIM สามารถค้นหาข้อมูล เช่น เส้นทาง จุดหมายสำคัญ รายงานสภาพจราจรแบบ Live traffic ฟังวิทยุแบบ Online Radio การติดต่อสื่อสารกับศูนย์บริการได้โดยตรงทั้งการสั่งงานผ่านหน้าจอรถยนต์ หรือผ่านแอปพลิเคชัน Mercedes me
- การควบคุมรถยนต์จากระยะไกลผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยแอปพลิเคชัน Mercedes me เช่น การล็อกหรือปลดล็อกรถยนต์ การเปิดและปิดกระจกรวมถึงหลังคา Panoramic Sunroof การตรวจสอบและรายงานสถานะของระบบปลั๊กอินไฮบริด การเปิดแอร์ล่วงหน้าแบบ Pre-Entry Climate Control การค้นหาตำแหน่งของรถ การรายงานสถานะของรถแบบ real-time เช่น ระดับน้ำมัน หรืออุณหภูมิของเครื่องยนต์ รวมไปถึงการโทรออกเพื่อขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น
สรูปแล้ว โดยรวม E 300e AMG Dynamic ก็ให้ออปชั่นมาเต็มคันทีเดียว ขณะที่การขับขี่ เป็นรถที่ขับดี ขับสนุก ไม่เมื่อย และที่สำคัญ ไม่เหนื่อยในการเดินทางไกล แม้จะดูว่าเป็นรถผู้ใหญ่ๆ แต่จริงๆ แล้วแฝงอารมณ์วัยรุ่นเอาไว้เต็มที่เช่นกัน