นิสสัน 'อี-เพาเวอร์' ยอดทะลุ 5 แสนคัน

นิสสัน มองว่า อนาคต พลังงานไฟฟ้า จะมีบทบาทในอุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างไรก็ตามมองว่าในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน อุตสาหกรรมยังจำเป็นที่จะต้องใช้ตัวเชื่อม เนื่องจากรถพลังงานไฟฟ้า 100% หรือ อีวี (EV) ยังต้องการองค์ประกอบอีกหลายอย่างที่จะทำให้ตลาดเติบโต หรือกลายเป็นรถในชีวิตประจำวันของผู้คน

ทั้งนี้ แม้ว่านิสสันจะเป็นผู้ที่พัฒนา อีวี มายาวนาน และเป็นผู้ที่ทำตลาด อีวี เชิงพาณิชย์ เป็นรายแรก นั่นคือ นิสสัน “ลีฟ” (Leaf) ที่ขายในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย แต่นิสสันก็พัฒนาเทคโนโลยีอื่นด้วย หนึ่งในนั้นคือ “อี-เพาเวอร์” (e-power)

อี-เพาเวอร์ มีหลักการทำงานคือ ใช้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังเจนเนอเรเตอร์ เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าส่งไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อน และแบตเตอรี โดยเครื่องยนต์ไม่มีการส่งกำลังไปขับเคลื่อนรถยนต์โดยตรง

เทคโนโลยีนี้ นิสสัน มองว่า จะทำให้ได้ประโยชน์เด่นๆ 2 ด้านคือ

• สมรรถนะจากมอเตอร์ไฟฟ้า
• ความประหยัด เพราะเครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนัก

ในบ้านเรา นิสสัน เปิดตัว อี-เพาเวอร์ คือ “คิกส์ อี-เพาเวอร์” ซึ่งได้รับการยอมรับในเรื่องของสมรรถนะ ความประหยัด แต่ยอดขายที่ยังเดินไม่ดีนัก หลักๆ คือ ตัวรถที่ลูกค้ามองว่ค่อนข้างเล็กกับรถในระดับราคาดังกล่าว ก็เป็นเรื่องที่นิสสัน คงจะต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป

แต่ในบ้านเกิด ญี่ปุ่น และตลาดโลก นิสสัน มอเตอร์ รายงานว่า ประสบความสำเร็จอย่างสูง นับตั้งแต่เทคโนโลยีนี้  เปิดตัวครั้งแรกด้วยรุ่น “โน้ต” รถยนต์แบบคอมแพคในเดือนพฤศจิกายน 2559

และนับแต่วันนั้น โน๊ต อี-พาวเวอร์ ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และคว้ารับรางวัลรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2561

จากนั้น นิสสัน ก็ขยายตลาด อี-เพาเวอร์อย่างต่อเนื่อง

• มีนาคมปี 2561 เปิดตัวรถมินิแวน เซเรน่า อี-พาวเวอร์
• มิถุนายน 2563 เปิดตัว คิกส์ อี-พาวเวอร์
• ธันวาคม 2563 เปิดตัว นิสสัน โน๊ต อี-พาวเวอร์ เจนเนอร์เรชั่นที่ 2
• มีนาคม 2564 เปิดตัว แคชไค อี-พาวเวอร์ ในตลาดยุโรป

นิสสัน ระบุว่า ในหลายๆ ตลาดให้การตอบรับ อี-เพาเวอร์ อย่างดี และเฉพาะในญี่ปุ่น ถึงเดือน มีนาคม 2564 มียอดขายสะสมแล้ว 500,000 คัน

และหลังจากนี้ ในงานเซี่ยงไฮ้ มอเตอร์โชว์ปี 2564 ที่จะถึงนี้ นิสสันจะเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ในประเทศจีนเพิ่มเติม