มาสด้า ไม่หวั่นโควิด เชื่อปีนี้โต 30%
แม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเกิดขึ้นในวงกว้าง ส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจ แต่มาสด้าเชื่อว่า จะสามารถฝ่าฟันป้ญหาเหล่านี้ได้ หลังจากไตรมาสแรก มียอดขายเติบโตน่าพอใจ
ชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2563 ที่ผ่านมา (เมษายน 2563-มีนาคม 2564) ตลาดรถยนต์จะมีการแข่งขันที่สูงมาก และยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกหลายอย่าง โดยเฉพาะการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบกับตลาด
อย่งไรก็ตามมาสด้ายังสามารถทำยอดขายได้ระด้บที่น่าพอใจ 40,004 คัน ลดลง 23% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.1% ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ลดลง 17% ด้วยตัวเลขยอดขายรวมทั้งสิ้น 786,877 คัน
“แม้ว่ายอดขายจะลดลง แต่มาสด้า ประเทศไทย ก็ยังคงเป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดของมาสด้าทั่วโลก”
สำหรับยอดขาย 40,004 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 23,548 คัน โดยรุ่นที่ขายดีที่สุด คือ
- มาสด้า2 ยอดขายเกินกว่าครึ่ง 20,741 คัน
- มาสด้า3 จำนวน 2,800 คัน
- ปิกอัพ บีที-50 จำนวน 2,471 คัน
- CX-30 ยอดขาย 7,582
- CX-3 จำนวน 3,100 คัน
- CX-8 จำนวน 1,917
- CX-5 จำนวน 1,386 คัน
- MX-5 รถสปอร์ตเปิดประทุน 7 คัน
สำหรับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกของปี 2564 (มกราคม-มีนาคม 2564) แม้จะมีผลกระทบจากจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจปีนี้ชะลอตัวลง แต่มาสด้าสามารถสร้างยอดขายได้ 10,890 คัน เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสแรกของปี 2563 แบ่งเป็น
- มาสด้า2 จำนวน 5,686 คัน
- มาสด้า3 จำนวน 704 คัน
- บีที-50 จำนวน 429 คัน
- CX-30 จำนวน 2,298 คัน
- CX-3 จำนวน 1,189 คัน
- CX-8 จำนวน 354 คัน
- CX-5 จำนวน 230 คัน
และแม้ว่าปีนี้จะยังมีปัญหาของโควิด-19 แต่มาสด้ามั่นใจว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจ และกลยุทธ์ต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในปีนี้ จำทำให้ยอดขายมาสด้าทำได้ 52,000 คัน เติบโตจากปีที่ผ่านมา 30% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 6.2%