ลองขับ Ora Good Cat คุมง่าย ไม่จี๊ดจ๊าด แต่ก็เร้าใจ
โอร่า กู๊ด แคท (ORA Good Cat) เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 29 ตุลาคมนี้ แต่ก่อนที่จะรู้ราคา ไปลองขับก้นก่อน ดูว่าน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ซึ่งกู๊ด แคท ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว สำหรับการเป็นรถใช้งานในชีวิตประจำวัน
เป็นรถอีกรุ่นที่กระแสความสนใจของผู้คนสูงทีเดียว สำหรับ “โอร่า กู๊ด แคท” (ORA Good Cat) รถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) จากค่ายเกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งคงเป็นผลจากหลายอย่างประกอบกันหลายอย่าง ทั้งการรุกประชาสัมพันธ์เต็มที่ ทั้งข้อมูลข่าวสารด้านต่างๆ การจัดแสดงรถยนต์ให้ผู้บริโภคได้ชมตัวจริง รวมถึงล่าสุดคือ การอัดแคมเปญเปิดจองสิทธิ์ล่วงหน้า ก่อนเปิดตัวเปิดราคาอย่างเป็นทางการค่ำๆ วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2564
แต่ใครที่แสดงเจตจำนงค์ว่าจะซื้อภายในเวลา 18.00 น. ของวันนั้น จะได้สิทธิพิเศษหลายอย่าง ทั้งฟรีดอกเบี้ย ประกันภัย โฮมชาร์จเจอร์ บริการรับ-ส่ง บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ บางรายการในการบำรุงรักษา เบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 220,000 บาท
แต่ก่อนจะรู้ราคา ก่อนจะรู้ว่าจองแล้ว จะซื้อหรือไม่ซื้อ ไปลองขับกันก่อนครับ วันนี้ผมจะพาไปที่อยุธยา รวมระยะทางไปกลับก็ราวๆ 140 กิโลเมตร
กู๊ด แคท มี 3 รุ่นย่อย คือ
- 400 TECH กับ 400 PRO มาพร้อมแบตเตอรี ขนาดความจุ 47.788 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทางใช้งานสูงสุดต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง 400 กิโลเมตร
- 500 ULTRA ที่เพิ่มขนาดความจุแบตเตอรีเป็น 63.139 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับขี่ได้ระยะทางสูงสุด 500 กิโลเมตร
แต่ด้านสมรรถนะไม่ต่างกัน เพราะทุกรุ่นใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนตัวเดียวกัน เป็นแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor
- ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลว้ตน์ หรือ 143 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร
- ความเร็วได้สูงสุด 152 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที
มีโหมดการขับขี่ให้เลือกคือ Normal, Sport, ECO, ECO+ และ Auto ถ้าขี้เกียจปรับบ่อยๆ ก็ตั้ง Auto ไว้ก็จบครับ ระบบจะเรียนรู้ลักษณะการขับขี่ของเราเอง
โอร่า กู๊ด แคท เป็นรถที่กว้างขวางทีเดียวครับ เข้าไปนั่งแล้วก็รู้สึกได้ว่าโล่ง โปร่งสบาย ไม่ว่าจะเป็นเบาะหน้าหรือเบาะหลัง โดยเบาะหน้ายิ่งดูโปร่งขึ้นไปอีกจากการที่รถไม่มีเกียร์ลูกใหญ่ๆ เหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ดังนั้นคอนโซลเกียร์จึงออกแบบได้ตามใจชอบ ส่วนที่เป็นปุ่มเกียร์อยู่สูงให้มือควบคุมได้สะดวก ขณะที่ช่องวางแก้วน้ำ ถูกเล่นระดับลงไปด้านล่าง ทำให้รถดูโปร่งมากขึ้น
กู๊ด แคท ยังเป็นรถที่มีความกว้างมากกว่ารถในตลาดเดียวกัน อย่างเช่นถ้าเทียบกับรถแนวแฮทช์แบ็ค อย่าง ฮอนด้า ซิตี้ หรือรถอีวี ด้วยกัน อย่าง เอ็มจี อีพี ที่เป็นรถแนวสเตชั่น แวกอน กู๊ด แคท กว้างกว่า แต่จะสั้นกว่ารถทั้ง 2 รุ่น
ตัวถังที่กว้างกว่า ก็มีผลทำให้การนั่งสบายอย่างที่ผมบอกไป ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ทั้งเบาะหน้าและเบาะหลัง
ส่วนพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายพอประมาณ แต่สามารถเพิ่มได้ด้วยการพับเบาะหลัง ซึ่งสามารถพับแยก 60/40 ได้
ทั้งนี้ โอร่า กู๊ด แคท มีขนาดตัวถัง คือ
- ยาว 4,235 มม.
- กว้าง 1,825 มม.
- สูง 1,596 มม.
- ความยาวฐานล้อ 2,650 มม.
- น้ำหนักรถ 1,510 กก.
เมื่อขึ้นไปนั่งประจำที่ผู้ขับ อย่าไปเสียเวลาหาปุ่มสตาร์ทให้เสียเวลาครับ มันไม่มีมาให้
กู๊ดแคท จะสตาร์ททันทีเมื่อเหยียบเบรก จากนั้นก็ใช้งานได้ตามปกติ ส่วนเมื่อจอดรถแล้วจะปิดการทำงานจึงค่อยกดปุ่มที่คอนโซลหน้า
บางคนอาจจะสงสัยว่าจะเป็นอันตรายไหม เพราะว่าการไม่ต้องกดปุ่มสตาร์ท ก็ตอบว่าไม่ครับ เพราะเมื่อสตาร์ทแล้ว ระบบขับเคลื่อนจะยังอยู่ในเกียร์ N พร้อมเบรกมือไฟฟ้าทำงาน รถจะเคลื่อนที่ก็ต่อเมื่อผู้ขับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น D หรือ R พร้อมกับเหยียบคันเร่ง
และก็คงจะไม่ชินในช่วงแรกๆ เท่านั้น พอชินๆ แล้วอาจจะชอบก็ได้ เพราะไม่ต้องเสียเวลาหาปุ่มสตาร์ทให้ยุ่งยาก
เกียร์เป็นแบบปุ่มหมุน มีให้เลือกคือ R N D ไม่มีเกียร์จอด หรือ P
เมื่อจะจอดรถ ก็หมุนไปที่ N แล้วกดปุ่มเบรกมือไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ กัน แค่นั้น หรือถ้าลืมกดเบรกมือไฟฟ้า เมื่อกดปุ่มหยุดการทำงานของรถ มันก็จะเข้าระบบเบรกให้เอง
แต่ถ้าจอดติดไปแดงแล้วขี้เกียจเหยียบเบรกค้างไว้ ก็ต้องหมุนมาที่เกียร์ N เท่านั้น ส่วนจะกดปุ่มเบรกมือไฟฟ้าหรือไม่ ก็แล้วแต่ แต่แนะนำว่าควร
สำหรับการขับขี่ ผมชอบอารมณ์มันนะ โอร่า เซ็ทมาให้ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ ดังนั้นใครที่ไม่เคยขับ อีวี มาก่อนในชีวิต โดดลงจากรถที่ใช้เครื่องยนต์มาขึ้นโอร่า ก็จะขับได้ไม่แตกต่างกันมากนัก
ซึ่งรวมถึงจังหวะการถอนคันเร่ง แม้จะเลือกระดับการชาร์จไฟกลับแบบหน่วงมากที่สุด (มี 3 ระดับ) ก็ไม่ไห้หน่วงมากชนิดที่เรียกว่าหัวทิ่ม
การเลือกโหมดขับขี่ก็เช่นกัน แม้ว่าจะเลือก ECO หรือ ECO+ ก็ไม่ได้เซ็ทให้ถอนคันเร่งแล้วเกิดแรงหน่วงรุนแรงนัก แต่โหมดนี้โดยเฉพาะ ECO+ จะมีผลต่อเรื่องของการตอบสนองของคันเร่งมากกว่าที่จะช้าเป็นพิเศษ เพื่อการประหยัดพลังงาน ซึ่งก็เหมาะกับช่วงที่แบตเตอรีเหลือน้อย หรือการขับขี่ในเมืองที่ไม่ต้องการความเร็วหรืออัตราเร่งมากมายนัก
ส่วนโหมดอื่นๆ รวมถึง โหมดอัตโนมัติ ที่ผมเลือกใช้ การออกตัวไม่ได้ร้อนแรงนัก เหมือนกับรถ อีวี หลายๆ รุ่น โดยทีมงาน เกรท วอลล์ บอกว่าตั้งใจที่จะทำให้เป็นเช่นนั้น เพราะการออกตัวที่จี๊ดจ๊าดเกินไป ทำให้เปลืองพลังงานมาก
ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่ผมว่าก็มีเหตุผล และจะว่าไปแล้ว ที่ว่าออกตัวไม่ร้อนแรง ไม่ได้หมายความว่าอืดครับ มอเตอร์ไฟฟ้าก็ยังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่ตอบสนองได้ดี ออกตัวได้รวดเร็ว
และในการขับขี่จริง อัตราเร่งมาได้ทันใจ กดไปจนใกล้ถึงท็อปสปีด ไม่ยาก
ขณะที่การทรงตัว ทำออกมาได้ดี รถนิ่ง ไม่วอกแวก การเปลี่ยนช่องทางไปมา มีเสถียรภาพดี แม้ว่าบางช่วงจะอยู่บนเส้นทางที่เปียกแฉะจากพายุฝนก็ตาม
อารมณ์ในการขับขี่ในโค้งก็ให้ความรู้สึกดีครับ รถเกาะถนนแน่นทีเดียว บวกกับการตอบสนองของแรงบิดที่ช่วยให้ออกจากโค้งได้เร็ว ช่วยให้ขับขี่ได้สนุกทีเดียว
ช่วงล่างเซ็ทมากลางๆ ไม่นุ่มจนยวบแต่ก็ไม่กระด้างเกินไป เหมาะกับสภาพถนนบ้านเราครับ และเสียงที่เข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างน้อย แม้จะใช้ความเร็วสูง
พวงมาลัยน้ำหนักดี มีความแม่นยำ แต่ผมว่าวงมันใหญ่ไปหน่อย ลดอารมณ์สปอร์ตลงไปพอควรทีเดียว แต่เมื่อดูแนวทางการรออกแบบรถที่เน้นอารมณ์เก่าๆ ผสานกับเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Retro Futuristic ก็เข้าใจได้ครับ
โดยรวมผมว่าเป็น อีวี ที่น่าสนใจ ขับง่าย และไม่รู้สึกแตกต่าง สมรรถนะใช้ได้ การควบคุมรถทำได้ดี
ราคาก็รอล้นพร้อมๆ กัน วันที่ 29 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ส่วนสเปคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สี หรือออปชั่นในแต่ละรุ่น กดลิงค์ตรงนี้ได้เลยครับ