ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ หรูขึ้น สุขุมขึ้น เติมออปชั่น แต่ราคายังต้องรอลุ้น
เป็นรถที่สร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญให้กับ ฮอนด้า เมื่อครั้งเปิดตัวเจเนอเรชั่นแรก ปี 2557 สำหรับ “เอชอาร์-วี” เป็นการโดดเข้าสู่ตลาด เอสยูวี ที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้ารถยนต์นั่ง ระดับราคาในกลุ่ม ซี-เซ็กเมนต์
ความนิยมของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ในช่วงการเปืดตัว อาจเป็นเพราะผู้บรโภคเบื่อรถในรูปแบบซีดาน หรือผู้ที่มองหารถที่สามารถใช้งานได้หลากหลายมากกว่า รวมถึงเดินทางในเส้นทางที่หลากหลายมากกว่า
บวกกับการที่ เอชอาร์-วี พัฒนามาให้มีการขับขี่ที่ไม่แตกต่างจากรถยนต์นั่งที่หลายคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะ หรือว่า การควบคุมขับขี่ ทำให้ได้รับการตอบรับจากตลาดเกินความคาดหมาย ก่อนที่คู่แข่งหลายค่ายๆ จะขยับตัว รวมถึง คู่แข่งสำคัญอย่าง โตโยต้า ซี-เอชอาร์
และวันนี้ ก็ถึงเวลาของ เอชอาร์-วี เจเนอเรชั่น 2 ที่เผยโฉมอย่างเป็นทางการ โดยมี 3 รุ่นย่อย คือ
- e:HEV RS
- e:HEV EL
- e:HEV E
แต่ว่าราคายังไม่มา ต้องรออีกสักพัก เชื่อว่าไม่นานนัก คาดว่าฮอนด้าจะประกาศราคาก่อนงานมหกรรมยานยนต์ที่จะเริ่มต้นวันที่ 1 ธ.ค.นี้ เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้และตัดสินใจก่อนเตรียมตัวเข้าไปซื้อหากันในงาน
สำหรับ เจเนอเรชั่น 2 มีบุคลิกที่แตกต่างออกไปอย่างโฉมเดิมค่อนข้างชัดเจน ดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สุขุมมากขึ้น พรีเมียมขึ้น แต่ก็เสริมเติมแต่งอารมณ์สปอร์ตเข้าไปด้วยเช่นกัน
ขณะที่โครงสร้างตัวถังใกล้เคียงกับโฉมเดิมมาก
- ความยาว 4,385 มม.
- ความกว้าง 1,790 มม.
- ความสูง 1,590 มม.
- ความยาวฐานล้อ 2,610 มม.
- ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,542 มมความกว้างช่วงล้อหลัง 1,543 มม.
ซึ่งหากเทียบกับรุ่นเดิม เจเนอเรชั่น 2 ยาวขึ้น 39 มม. ความกว้างเท่าเดิม ความสูงลงเล็กน้อย และความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้น นั้นหมายถึงรถถูกทำให้แบนเรียวขึ้น เสริมอารมณ์สปอร์ตมากขึ้นเช่นกัน
เสาเอปรับตำแหน่งใหม่ ทำให้กระโปรงหน้าดูยาวขึ้น ส่วนหลังคาด้านท้ายลาดลง แบบรถฟาสต์แบ็ค แต่เมื่อเข้าไปลองนั่งแล้ว ไม่มีปัญหากับพื้นที่ช่วงเหนือศีรษะ ยังโปร่งโล่ง ส่วนพื้นที่วางเท้า และพื้นที่ว่างช่วงเข่า มีเหลือเฟือ
และเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ ฮอนด้า คือการปรับเบาะที่หลากหลาย ซึ่งเบาะหลังแยกพับได้ 60/40 และพับได้ทั้งแนวราบที่ทำได้ราบเรียบ ช่วยให้วางของยาวๆ ได้สะดวก และยังปรับโดยยกเบาะรองนั่นขึ้น เพื่อบรรทุกของที่มีความสูง
และเจเนอเรชั่น 2 มาพร้อมกับ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทั้งไลน์อัป และเสริมออปชั่นเพื่อความสะดวกและปลอดภัย เช่น ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) เป็นครั้งแรก
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบ Auto Brake Hold ที่พัฒนาเปิดใช้ครั้งเดียว ครั้งต่อไปที่ใช้รถก็ไม่ต้องกดซ้ำ
และยังเป็นครั้งแรกที่ฝากระโปรงท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบคิกเซ็นเซอร์ และระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ
ด้านการออกแบบ กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ ใน รุ่น e:HEV EL และสีดำเงา รุ่นe:HEV E ส่วน RS เป็นแบบโครเมียม
ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED Light Stripเชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว
ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ใน รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS
สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต
เสาอากาศครีบฉลาม
ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว (รุ่นe:HEV E และรุ่น e:HEV EL
โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย
และในรุ่น RS มีสิ่งที่เพิ่มเติมเช่น
สัญลักษณ์AMP UP บนกันชนหน้าด้านล่างสะท้อนพลังใหม่ที่แตกต่าง
กันชนหน้า-หลังพร้อมชายกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม
ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบLED และไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว
หลังคากระจกแบบพาโนรามา (Panoramic Glass Roof)
ภายในห้องโดยสารทุกรุ่นมาพร้อมเบาะหนัง สีดำ โดยในรุ่น RSตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ตและพวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlayและ Android Autoและรองรับระบบสั่งการด้วยเสียงSiri และ Android Auto
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบTFT ขนาด 7 นิ้ว
ช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS)
อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (เฉพาะรุ่น e:HEVRS)
ลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEVRS)ลำโพง 6 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV EL) และลำโพง4 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV E)
ไฟอ่านหนังสือด้านหลังแบบ LED เปิด-ปิดแบบสัมผัส(เฉพาะรุ่น e:HEVRS)
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น e:HEVRS)
แผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย (เฉพาะรุ่น e:HEVRS)
ช่องเชื่อมต่อUSB จำนวน4ช่องด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง (เฉพาะรุ่น e:HEVRS)และช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า จำนวน2 ช่อง (รุ่น e:HEV E และรุ่น e:HEV EL)
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์และปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING
ขุมพลัง ใช้เครื่องยนต์ ขนาด1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000-6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบ/นาที
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า ที่ 4,000-8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 0-3,500 รอบ/นาที
เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ อัตราสิ้นเปลือง 25.6กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94กรัม/กิโลเมตร
สำหรับระบบ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้าช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชนระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วย
ผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติและลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจรหากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัยและในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้นระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้องโดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืดและจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติโดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสมและในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้ารวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่(Lead Car Departure Notification System: LCDN)
ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้าโดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียงเพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า