ยอดขายพุ่ง ปี 64 ทำสถิติใหม่ ปอร์เช่ เฟ้นหาดีลเลอร์ครั้งแรก
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ในนาม ปอร์เช่ ประเทศไทย เดินหน้าขยายธุรกิจ โดยเริ่มพิจารณาคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ทั้งนี้ในปัจจุบัน เครือข่ายการจำหน่ายและบริการ ปอร์เช่ ที่มีอยู่ 2 ราย คือ Porsche Centre Bangkok และ Porsche Centre Pattankarn รวม 4 โชว์รูม ก็เป็นธุรกิจในเครือของ เอเอเอส
โดยการคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของปอร์เช่ครั้งนี้ มีเป้าหมาย 2 แห่ง คือ เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 1 แห่งในจังหวัดชลบุรี ที่บริษัทเห็นว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เพราะเป็นจังหวัดที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี เป็นแหล่งการพัฒนาด้านโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีรวมถึงกระบวนการผลิตชั้นสูงภายในพื้นที่ภาคตะวันออก
ทั้งนี้ ปอร์เช่ จะเปิดรับสมัครผู้สนใจร่วมธุรกิจ ถึงวันที่ 10 ธันวาคม นี้ โดยเงื่อนไขหลักของการคัดเลือกคือ กลุ่มธุรกิจที่มีกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างยั่งยืน และสามารถพัฒนาตลาดปอร์เช่ได้หลายมิติ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาตลาดยานยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี ที่ปอร์เช่กำลังมุ่งไป
“ปอร์เช่ ประเทศไทย เป็นผู้เปิดตลาดยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูงอย่างไทคานน์ เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการรายแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีศูนย์บริการซ่อมบำรุงแบตเตอรี่ High Voltage Battery Repair แบบครบวงจร”
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแนวทางกมรการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้า (Porsche Destination Charging) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานทั่วประเทศ
“ผู้ที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดผ่านความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจการจำหน่ายและการให้บริการรถยนต์ระดับพรีเมียม จึงมีความจำเป็นมากที่ต้องมีความรู้และความเข้าใจในตลาดรถยนต์ของพื้นที่เป้าหมายในการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ”
ทั้งนี้การขยายงานของปอร์เช่ เป็นผลมาจากตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปีนี้ที่แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์จะติดลบ จากผลกระทบของโควิด-19 แต่ปอร์เช่ สามารถสร้างยอดขายเติบโต โดยเมื่อผ่านไป 10 เดือน มียอดขายมากกว่าปี 2563 ทั้งปี
โดยยอดส่งส่งมอบรถให้ลูกค้าช่วง 10 เดือน มีทั้งสิ้น 1,200 คัน สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของ ปอร์เช่ ประเทศไทย และมียอดขายสูงที่สุดในอาเซียนอีกด้วย และคาดว่าปีนี้ทั้งปีจะทำได้ 1,300 คัน
ทั้งนี้ปี 2563 ที่ผ่านมา ปอร์เช่มียอดขาย 670 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเช่นกัน
การเติบโตของปอร์เช่ มาจากความนิยมของรถหลายๆ รุ่น โดยเฉพาะ คาเยนน์ ที่ีีสัดส่วนการขายประมาณ 55% เนื่องจากทำราคาได้ดึงดูดใจจากการเป็นรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ได้รับการส่งเสริมภาษีจากภาครัฐ ขณะที่รถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี ไทคานน์ ก็ได้รับการตอบรับเหนือความคาดหมายมีสัดส่วนการขาย 25% และส่งมอบรถได้แล้วประมาณ 300 คัน ส่วนพานาเมร่า มีสัดส่วนการขาย 10% ที่เหลือเป็นรุ่นอื่นๆ