ปรับตัวรับโควิด เปอโยต์ เชื่อปีนี้ยอดขายพุ่ง 2 เท่า
เปอโยต์ พร้อมรุกตลาด ฝ่าโควิด-19 สร้างการรับรู้ ยกระดับภาพลักษณ์ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ เพิ่มเครือข่ายจำหน่าย และบริการทั่วประเทศ ตั้งเป้าขายปีนี้ โตกว่า 100%
เปอโยต์ ประแทศไทย โดยบริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่าย เริ่มต้นทำตลาดอย่างเป็นทางการช่วงปลายปี 2562 แต่ ตั้งแต่เปิดดดำเนินการ ก็ยังไม่สามารถทำอะไรที่ถนัดได้นัก เพราะเกิดเหตุโควิด-19 ระบาด
ทำให้แผนธุรกิจหลายอย่างไม่สามารถทำได้ตามที่วางเอาไว้ ทั้งเรื่องของสินค้า กิจกรรมทางการตลาด การจัดอีเวยท์ รวมถึงกิจกรรมสร้างการรับรู้
ดังนั้นที่ผ่านมา จึงเหมือนกับการประคองตัวฝ่าโควิดให้ได้ และลูกค้าส่วนใหญ่คือผู้ที่คุ้นเคยกับรถจากฝรั่งเศสยี่ห้อนี้ที่เข้ามามีบทบาทในไทยตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
แต่หลังจากอยู่ร่วมกับ โควิด-19 มาได้ 2 ปี ถึงวันนี้ เปอโยต์บอกว่า คนไทย รู้จักและเรียนรู้การใช้ชีวิตท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าวมากขึ้น ขณะที่หน่วยงานต่างๆ ก็มีมาตรการรับมือที่ชัดเจน แม้ช่วงนี้จะยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง
ดังนั้นจึงเชื่อว่า จะสามารถเปิดเกมรุกได้มากขึ้น และผลักดันไปสู่การสร้างยอดขายที่เติบโตมากวก่า 2 เท่าตัว หรือ มีตัวเลขหลักพันเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ยอดขายเปอโยต์ในช่วงปีแรกอยู่ที่ 156 คัน ขยับเป็น 435 คันในปี 2563 และล่าสุดปี 2564 มียอด 440 คัน
ความมั่นใจว่าปีนี้จะเติบโต มาจากทั้งเรื่องของสถานการณ์ที่คลี่คลาย การมีสินค้าตัวขายใหม่ คือ 2008 ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปีที่แล้ว แต่ปีนี้จะทำตลาดได้เต็มปี รวมถึงกิจกรรมทางการตลาด และการขยายเครือข่ายเพิ่มเติม
สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมา แม้จะทำกิจกรรมไม่ได้มาก แต่เปอโยต์ก็พยายามพัฒนา ยกระดับหลายอย่าง
รวมถึงการปรับอัตลักษณ์ใหม่ ที่ทันสมัย ถูกใจคนเจนฯ วาย มากขึ้น ตามแนวทางของบริษัทแม่ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนโลโก้ใหม่เป็นลำดับที่ 11 นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทช่วงปี ค.ศ.1850
โลโก้ใหม่เป็นรูปหัวสิงโตแบบ 2 มิติ ล้อมรอบด้วยกรอบทรงคล้ายโล่ห์ ให้อารมณ์ในสไตล์เรโทร นอกจากนี้ยังปรับคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘Be Your First European Car’ หรือรถยุโรปคันแรกของคุณ
ทั้งนี้ภายในปี 2566 โชว์รูม เปอโยต์ ทั้งหมดในประเทศไทย จะได้รับการเปลี่ยนโฉมอย่างสมบูรณ์
ด้านเครือข่ายจำหน่ายและบริการ ที่ปัจจุบัน มี 5 สาขาของบริษัท ในกรุงเทพฯ คือ เยาวราช, สุขุมวิท, เกษตร-นวมินทร์, สยามพารากอน และวงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ ต่างจังหวัด 3 สาขา คือ หาดใหญ่, ภูเก็ต และอุบลราชธานี
และมีตัวแทนจำหน่าย 2 แห่งที่ มีนบุรี และ อุดรธานี
ปีนี้มีแผนจะขยายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติมที่พิษณุโลก, โคราช, ชลบุรี และเชียงใหม่ และตั้งเป้าขยายเครือข่ายให้ครบ 25 สาขา ในปี 2567
ด้านผลิตภัณฑ์ ขณะนี้บริษัทแม่ ก็เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกักระแสโลก คือ การพัฒนาพลังงานทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี โดยบริษัทก็อยู่ระหว่างศึกษาแผนการนำรถเหล่านี้เข้ามาทำตลาดในอนาคต
ส่วนรถปิกอัพ ที่ก่อนหน้านี้ บริษัทแสดงความสนใจที่จะนำเข้ามาทำตลาด แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้มองว่าจะต้องศึกษาตลาดอีกระยะ เนื่องจากการทำตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง หรือ Red Ocean จำเป็นะจ้องรอจังหวะที่เหมาะสมที่สุด