Honda Civic e:HEV ย่องโชว์ตัวมอเตอร์โชว์ ขายจริงกลางปี
Honda เพิ่มทางเลือก Civic เจเนอเรชั่น 11 เผยโฉม Civic e:HEV หรือ เวอร์ชั่น ไฮบริด กลางงาน มอเตอร์โชว์ พร้อมจัดแคมเปญแถม ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ เปิดจองสิทธิ์ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนมิถุนายน
หลังจากเปิดตัว ซีวิค (Civic) เจเนอเรชั่น 11 เมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยตัวเลือdเครื่องยนต์เดียว คือ เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งป็นเครื่องยนต์ตัวเด่นและสร้างชื่อให้กับฮอนด้ามาก่อนหน้านี้ แต่ก็มีคำถามจากตลาดอยู่บ่อยครั้งว่า ฮอนด้าจะไม่ทำตลาด ไฮบริด หรือ เพราะเป็นกระแสของโลกที่มุ่งไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า 100% หรือลูกผสมอย่าง ไฮบริด หรือ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ก็ตาม
นอกจากกระแสของโลกแล้ว ที่ผ่านมา ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นก็ประกาศชัดเจนในวิสัยทัศน์ 2030 ว่าจะต้องมุ่งไปที่การใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบทั้ง อีวี ไฮบริด ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รวมถึง เซลล์พลังงานหรือ fuel cell
นอกจากนั้นก็จะเห็นว่าในไทยเอง ปัจจุบัน ฮอนด้าก็มีไฮบริดที่หลากหลาย แม้กระทั่งรุ่นเล็กอย่าง ซิตี้ แล้ว ซีวิคจะไม่มีหรือ
ล่าสุด โดยไม่บอกล่วงหน้า ฮอนด้า ก็ส่ง ซีวิค เวอร์ชั่นไฮบริด หรือชื่ออย่างเป็นทางการที่เรียกเหมือนกับรุ่นอื่นๆ คือ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี (Honda Civic e:HEV) เข้าร่วมแสดงในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ วันที่ 24 มีนาคม หลังการเปิดงานอย่างเป็นทางการวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา
โดยมี 2 รุ่นย่อยคือ
- e:HEV RS ราคายังไม่กำหนด แต่ระบุว่าไม่เกิน 1,270,000 บาท
- e:HEV EL+ ไม่เกิน 1,150,000 บาท
จากข้อมูลต่างประเทศ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี เป็นฟูล ไฮบริด ทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ 2 ตัว ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ เบนซิน 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 145 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า
เลือกรูปแบบการทำงานได้ 3 โหมด คือ ขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) การขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
และมีโหมดขับขี่ 3 โหมดคือ
- ECON Mode
- Normal Mode
- Sport Mode
ซีวิค อี:เอชอีวี ปรับการดีไซน์ให้ดูสปอร์ตขึ้น โฉบเฉี่ยวขึ้น และเพิ่มการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เบาะนั่งด้านหลังแยก 60:40 ช่องปรับอากาศตอนหลัง ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card
การออกแบบภายนอก บ่งบอกความเป็นไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ด้านท้าย กระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED เสาอากาศครีบฉลาม อัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ทั้งนี้ e:HEV ยังมีเวอร์ชั่น e:HEV RS ให้เลือก ซึ่งการตกแต่งภายนอก จะแตกต่างออกไป เช่น กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม และกันชนหน้าแบบ สปอร์ต สัญลักษณ์ RS ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม
ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำ ตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ สัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
ภายในเน้นสปอร์ต เบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
ระบบชาร์จไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวา ด้านหลังมีช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
และแน่นอนมาพร้อม ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT)
ขณะที่ e:HEV EL+ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
จุดขายสำคัญของฮอนด้าอีกอย่างหนึ่งคือ Honda SENSING ที่ทำงานผ่านกล้องมุมกว้างด้านหน้า เพื่อตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนน มีระบบหลัก ๆคือ
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
นอกจากนี้ยังมี ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold
กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น
โดยฮอนด้า จะเปิดตัว และจำหน่าย Civic e:HEV อย่างเป็นทางการเดือนมิถุนายน 2565 แต่ช่วงนี้เปิดรับจองเรียบร้อยแล้ว พร้อมแคมเปญพิเศษ ลูกค้าที่จองสิทธิ์ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เวลา 22.00 น.
โดยลูกค้ารับฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) แพ็กเกจขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง มูลค่า 19,500 บาท