ลองขับ Volvo XC40 Recharge Pure Electric เอสยูวี อีวี หัวใจสปอร์ต
กระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV กำลังได้รับความสนใจ หลังจาก เกรท วอลล์ และเอ็มจี ประกาศลดราคา จากการได้รับส่งเสริมจากภาครัฐ ก็ต้องรอดูว่าจากนี้ไปการตอบรับจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าพูดถึง EV ที่ร้อนแรงคันหนึ่ง คงต้องพูดถึงคันนี้ด้วยเช่นกัน Volvo XC40 Recharge Pure Electric
ในเวทีโลก วอลโว่ เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ที่บริษัทแม่ที่สวีเดนประกาศชัดเจนว่าในอนาคต จะพัฒนาเฉพาะ EV ทำตลาดเท่านั้นภายในปี 2573 และในไทยก็ขานรับนโยบายดังกล่าว โดย EV รุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดคือ XC 40 Recharge Pure Electric ก่อนที่ล่าสุดเสริมอีก 1 รุ่น คือ C40 Recharge Pure Electric
XC 40 Recharge Pure Electric เป็นรถที่ตลาดให้ความสนใจมาก แม้ช่วงเปิดตัวในงาน บางกอก อิเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ปี 2564 จะไม่มีรถตัวจริงมาแสดงก็ตาม และหลังจากนั้นก็ยังไม่มีรถส่งมอบเนื่องจากปัญหาการผลิต การขาดแคลนชิ้นส่วนในยุคโควิด-19 ระบาดทั่วโลก แต่กระแสความสนใจของลูกค้าก็ไม่ได้ลดลงไป
เอสยูวี อีวี ค่าตัว 2.59 ล้านบาท ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวมกันสูงสุด 408 แรงม้า ที่ 4,350-13,900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร ที่ 4,350 รอบ/นาที
แบตเตอรี ลิเธียมไอออน ความจุ 78 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใช้งานได้ระยะทางสูงสุด 400 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP
แต่ก็เป็นธรรมดาของรถทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ หรือ อีวี เมื่อใช้งานจริงแล้วระยะทางจะน้อยลง เพราะมีองค์ประกอบที่มากกว่าการทดลองที่ควบคุมสภาพแวดล้อม
ยิ่งเป็น XC40 ตัวนี้ ถ้าใครขับได้ตามนั้นถือว่าเก่งมาก
ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลวอลโว่ผิด แต่เป็นเพราะรถมันเชิญชวนให้ขยี้เท้าลงบนคันเร่ง ซึ่งแน่นอน อัตราสิ้นเปลืองจะตามมา
ซึ่งเมื่อดูจากอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 4.9 วินาที ก็พอจะมองเห็นอารมณ์สปอร์ตตั้งแต่ก่อนขับ และเมื่อขับจริงก็ตามนั้นครับ จุดเด่น คือ อัตราเร่งที่มารวดเร็ว อารมณ์ที่เรียกว่าหลังติดเบาะหาได้จากคันนี้ ส่วน ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 180 กม./ชม.
เมื่อรวมกับการเป็นรถที่มีความสูงมากกว่ารถยนต์นั่ง-ปิกอัพ เมื่ออยู่บนท้องถนน ทำให้มองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้กว้างได้ไกลขึ้น ช่วยในการวางแผนได้เร็วขึ้น ทำให้มีมีความคล่องตัวสูง สามารถลัดเลาะไปในพื้นที่ว่างบนท้องถนนได้ง่าย และแน่นอนเร่งแซงได้สบายใจเช่นกัน
แต่การจะทำแบบนี้ได้ ต้องมั่นใจว่าช่วงล่างมีความพร้อม ซึ่งก็ตอบได้เช่นกันครับว่า การเซ็ทช่วงล่างของ XC คันนี้ ทำได้ดี การทรงตัวขงรถนิ่งในทุกย่านความเร็ว ขณะที่จังหวะการเปลี่ยนช่องทางไปมาก็ทำได้ดี อาการโยน อาการโยกของตัวถังมีน้อย
และยิ่งยืนยันเรื่องนี้มากขึ้นเมื่อถึงเส้นทางภูเขาที่ทั้งช่วงล่างและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ช่วยกันจัดการได้อยู่หมัด เล่นกับโค้งได้สนุก เข้า-ออก ได้แม่นยำและรวดเร็ว และพวงมาลัยที่มีความแม่นยำไม่เหลือไม่ขาดก็เข้ามาช่วยอีกแรง ซึ่งพวงมาลัยสามารถปรับระดับความหนืดได้ตามต้องการ 2 ระบบ ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์
สำหรับการขัับขี่บนเส้นทางที่มีเนินขึ้น-ลง เลือกไปใช้โหมด one paddle จะสะดวกกว่า เพราะคุมรถได้ง่ายด้วยคันเร่งอย่างเดียว โดยเฉพาะมื่อต้องลงเนิน การผ่อนคันเร่ง ทำให้เกิดการหน่วงเหมือนกับขับรถที่ใช้เครื่องยนต์ด้วยเกียร์ 1 เกียร์ 2 ให้เกิด engine brake จะได้ไม่ต้องใช้เบรกกันบ่อยให้เสี่ยงอันตราย
แต่จะให้ดีน่าจะมีปุ่มทางลัดให้เลือก เพราะการปรับการใช้งานไม่ว่าจะพวงมาลัย หรือ one paddle ต้องเปลี่ยนผ่านหน้าจอเท่านั้น ซึ่งไม่สะดวกนัก
ส่วนการใช้พลังงาน ผมเตรียมการออกเดินทางจากกรงเทพฯ ด้วยการย่องเข้าไปคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนฯ ตอนใกล้ๆ 4 ทุ่ม เพราะที่นี่มีตู้ชาร์จเร็ว หรือ DC ของ EA Anywhere ให้บริการ ตู้ 2 หัวชาร์จ และมีตู้ AC อีก 1 ตู้
แจ้ง รปภ. ทางเข้าโครงการ ก็ผ่านเข้าไปได้เรียบร้อย เสียบชาร์จแล้วออกมานั่งรอนั่งตบยุงอยู่ที่เก้าอี้หินราวๆ 40 นาที ได้ไฟมา 88% และตู้ตัดการชาร์จ ซึ่งหากจะชาร์จต่อก็ได้ แต่คิดว่าน่าจะเพียงพอ จัดการโอนเงินเข้าระบบ ก็นำรถกลับออกมา
ตื่นเข้ามา ด้วยแบตเตอรี 87% เป้าหมายคือ เขาใหญ่ เพราะย่านนั้นมีตู้ชาร์จที่รู้จักอยู่สองสามที่ แต่ไม่เลือกไปเส้นทางหลัก
ผมมุ่งหน้าไปทางนครนายก เพื่อไปขึ้นเขาใหญ่ที่ด่านเนินหอม ปราจีนบุรี จากนั้นก็ขับรถท่องเที่ยวบนเขาใหญ่ แวะจุดนั้นจุดนี้บ้าง และแบบเข้าไปในทางย่อยๆ บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่บางช่วง ก่อนไปลงด่านปากช่อง มุ่งหน้าต่อไปยังถนนธนะรัชต์ถึงร้านอาหารมิดวินเทอร์ โดยเหลือแบตเตอรีประมาณ 25%
จากนั้นก็จอดชาร์จ DC หน้าร้าน และเมื่อทานอาหารอิ่ม แบตเตอรีขยับขึ้นมาเป็น 89% ขับกลับแบบสบายใจ ถึงกรุงเทพฯ เหลือประมาณ 50%
ถ้าพูดถึงจังหวะเวลา ก็ไม่มีอะไรติดขัด จอดชาร์จ พร้อมทานอาหาร ก็ไม่เสียเวลาอะไร
แต่ในทางปฏิบัติจริง เมื่อเดินทางถึงร้านอาหาร ที่ชาร์จเต็มครับ ผมต้องจอดตรงอื่น พร้อมไหว้วานรปภ. ว่าถ้าคันใดคันหนึ่งออก ช่วยโทรบอกหน่อย จะรีบเผ่นจากโต๊ะอาหารลงมาชาร์จ ก็ถือว่าเป็นการสะดุดเล็กน้อย
เมื่อออกจากร้านอาหาร ลองแวะที่ปั๊ม พีที ซึ่งมีสถานีชาร์จของ Elexa เช่นกัน ก็พบว่ามีรถจอดชาร์จเต็มที่ 2 ช่อง และมีรถที่จอดรอคิวอยู่อีก 2 คัน
ดังนั้นหากสรุป โดยรวมในแง่ของตัวรถ เป็นรถที่ตอบโจทย์การขับขี่ สนุก เดินทางไกลไม่เหนื่อย ระยะทำการของแบตเตอรีพอใช้ได้ และถ้าหากมีที่ชาร์จสะดวกๆ ก็ไม่มีปัญหา ใช้งานได้อย่างสบายใจครับ