BOSCH ลงทุนหลายพันล้านยูโรในเทคโนโลยีที่ส่งเสริม "ความเป็นกลางทางคาร์บอน"
BOSCH ใส่ใจการลดภาวะโลกร้อน โดยจะลงทุนประมาณ 3 พันล้านยูโร ในระยะเวลา 3 ปี ด้านเทคโนโลยีที่ส่งเสริม "ความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ"
สำหรับ งบประมาณปี 2564 BOSCH (บ๊อช) ประสบความสำเร็จในการเติบโตด้านยอดขาย และผลประกอบการ แม้จะมีสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทาย รายได้จากการขายที่เกิดจาก ด้านเทคโนโลยีและการบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 เป็น 78.7 พันล้านยูโร และผลประกอบการ (EBIT-กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี) เพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งเป็น 3.2 พันล้านยูโร อัตรากำไรจากการดำเนินงานดีขึ้นร้อยละ 4 เทียบกับร้อยละ 2.8 ในปีก่อนหน้า
กลุ่มบริษัท บ๊อช ยังคงพยายามอย่างเป็นระบบ ในการลดภาวะโลกร้อน แม้จะมีสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทายก็ตาม นอกจากนี้ ดร.สเตฟาน ฮาร์ตุง ประธานคณะกรรมการบริหารของ Robert Bosch GmbH ประกาศว่า บ๊อช จะลงทุนประมาณ 3 พันล้านยูโร ในระยะเวลาสามปี ด้านเทคโนโลยีที่ส่งเสริมความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้าและไฮโดรเจน
ดร.สเตฟาน ฮาร์ตุง เชื่อว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหนทางที่เร็วที่สุดสู่ความเป็นกลางของสภาพอากาศ หากใช้ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคือ เหตุผลที่ กำลังขับเคลื่อนการสัญจรอย่างยั่งยืน ให้ก้าวไปข้างหน้า ในปี 2564 ยอดขายของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกิน 10,000 ล้านยูโรเป็นครั้งแรก กลุ่มบริษัทได้ประกาศว่า ในอีกสามปีข้างหน้า บริษัทจะลงทุนเพิ่มอีกกว่า หมื่นล้านยูโร ในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจทางดิจิทัล การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลยังมีบทบาทพิเศษในด้านความยั่งยืน และโซลูชันเริ่มต้นจากสมมติฐานนี้
"ตัวอย่างโซลูชันดังกล่าวในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบ๊อช ได้แก่ ระบบจัดการพลังงานในบ้านอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มพลังงานสำหรับการผลิตที่เชื่อมต่อถึงกัน" ฮาร์ตุง กล่าวเสริม
พลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน: บ๊อช ลงทุน ในตลาดมูลค่า 14 พันล้านยูโร
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ บ๊อช กำลังเข้าสู่ภาคธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน บริษัทฯ วางแผนที่จะลงทุนกว่า 500 ล้านยูโร ในภาคธุรกิจใหม่ ภายในสิ้นทศวรรษนี้ โดยครึ่งหนึ่งเป็นการลงทุนเมื่อถึงเวลาเปิดตัวในตลาด ซึ่งวางแผนไว้สำหรับ ปี พ.ศ. 2567 มีพื้นฐานในการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนและต้องการพัฒนาการผลิตไฮโดรเจนในยุโรป
"คาดว่าตลาดทั่วโลก ด้านอุปกรณ์หรือหน่วยผลิตอิเล็กโทรไลเซอร์ หรือ electrolyzer ที่ใช้สำหรับการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน จะมีมูลค่าประมาณ 14 พันล้านยูโร ภายในปี พ.ศ. 2573 ทั้งนี้ บ๊อชจะเป็นผู้จัดจำหน่ายส่วนประกอบหลักที่เรียกว่าสแตก หรือ stack ซึ่งเป็นแกนหลักของระบบแยกไฮโดรเจนอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งรวมเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลัง เซ็นเซอร์ และชุดควบคุมเพื่อสร้างโมดูลอัจฉริยะ คาดว่า สแตกสำหรับการผลิตไฮโดรเจนจะเริ่มผลิตได้เร็วที่สุดในปี พ.ศ.2568" ฮาร์ตุง กล่าว
งบประมาณ ปี 2564: ผลประกอบการแบ่งตามหน่วยธุรกิจ
ทุกหน่วยธุรกิจของบ๊อช มีส่วนช่วยขับเคลื่อนให้ผลประกอบการเป็นบวก ภาคธุรกิจโซลูชันแห่งการขับเคลื่อน สร้างยอดขายสูงสุด โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 คิดเป็นมูลค่า 45.3 พันล้านยูโร หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน การเติบโตคิดเป็นร้อยละ 7.9 เมื่อเทียบจากภาวะการขาดทุนในปีก่อนหน้า หน่วยธุรกิจนี้มีผลในเชิงบวกเล็กน้อย โดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีร้อยละ 0.7
"โซลูชันแห่งการขับเคลื่อนประสบปัญหาการขาดแคลนชิปเป็นพิเศษ และต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจ" ฟอร์ชเนอร์ กล่าว
ขณะเดียวกัน หน่วยธุรกิจนี้ได้รับเม็ดเงินลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและระบบการขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดสำหรับวัตถุดิบในกระบวนการผลิตและการขนส่ง ภาคธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของตลาดวิศวกรรมเครื่องกลที่สำคัญและสามารถที่จะเพิ่มยอดขายได้ร้อยละ 18.9 หรือคิดเป็น 6.1 พันล้านยูโร หลังปรับผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว การเติบโตนี้เทียบเท่ากับการเติบโตร้อยละ 19.4 กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีอยู่ที่ร้อยละ 8.4 จากผลประกอบการที่มีความแข็งแกร่งในปีที่แล้ว หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคสามารถเพิ่มยอดขายได้อีกครั้ง คราวนี้อยู่ที่ร้อยละ 12.7 หรือร้อยละ 14.4 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยมียอดขายคิดเป็น 21 พันล้านยูโร ทำให้หน่วยธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยเลขสองหลักของอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี ร้อยละ 10.2 สำหรับภาคธุรกิจพลังงานและเทคโนโลยีอาคาร มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 หรือร้อยละ 8.8 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ด้วยยอดขาย โดยรวมที่ 5.9 พันล้านยูโร อัตรากําไรขั้นต้นที่ดีขึ้นของหน่วยธุรกิจคิดเป็นร้อยละ 5.1 ดังที่ฟอร์ชเนอร์ ชี้ให้เห็นว่า เทคโนโลยีความร้อนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศมีส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันองค์กรให้ประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายเหล่านั้น
งบประมาณ ปี 2564: การเจริญเติบโตแบ่งตามภูมิภาค
กลุ่มบริษัท บ๊อช มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ในทวีปยุโรป มียอดขายทั้งหมด 41.3 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 จากปีก่อนหน้า หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนยอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ในทวีปอเมริกาเหนือ รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 (ร้อยละ 9.3 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) คิดเป็น 11.4 พันล้านยูโร สำหรับทวีปอเมริกาใต้ รายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32 หรือร้อยละ 45.1 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และสุดท้าย ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมถึงภูมิภาคอื่นๆ ยอดขายทั้งหมดอยู่ที่ 24.5 พันล้านยูโร ซึ่งเป็นยอดการขายที่เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 13.1 หรือ ร้อยละ 11.7 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
จำนวนพนักงาน ในปี พ.ศ. 2564: การเติบโตทั่วภูมิภาค
ในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2564 กลุ่มบริษัทบ๊อช มีพนักงานทั่วโลกถึง 402,614 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ถึง 7,580 คน จำนวนอัตราการจ้างที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจาก 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา และทวีปเอเชีย จำนวนพนักงานในฐานการผลิตในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ยังคงมีจำนวนที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อัตราการจ้างอยู่ที่ 131,652 คน ในส่วนของการวิจัยและพัฒนา จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นจากเดิม 2,949 คน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 76,121 คน