‘สินิตย์’ เผย อเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย รุมจีบกาแฟไทย
‘สินิตย์’ เผย อเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย รุมจีบกาแฟไทย หลังกรมเจรจาฯ พาร่วมงาน THAIFEX 2022 เชียร์ใช้ FTA สร้างแต้มต่อ เพิ่มโอกาสส่งออก
‘สินิตย์’ ปลื้ม กาแฟไทยผลตอบรับดี หลังพาร่วมบูธ FTA Cafe ในงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” เผย นักธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติ อาทิ อเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย และสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ติดต่อขอเป็นคู่ค้าจำนวนมาก หนุนใช้ FTA เพิ่มแต้มต่อ ดันส่งออกสินค้ากาแฟไปตลาดโลก
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำผู้ประกอบการกาแฟไทยชั้นนำ 11 ราย ประกอบด้วย Coffee Bean Roasting Hillkoff กาแฟขุนช่างเคี่ยน กาแฟจินตนามณีพฤกษ์ เฮือนฮังต่อ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์ The Coffeenery กาแฟเฉยเลย กาแฟลองเลย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโขงเข้มนครหงส์ และร้าน Chewin Coffee ร่วมแสดงสินค้าในบูธ FTA Cafe ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX – ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” ประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 24 – 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ รวมถึงเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กาแฟไทยเป็นที่รู้จักในตลาดโลก
นายสินิตย์ กล่าวว่า งานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX – ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” เป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับนานาชาติ ที่ช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการสินค้าเกษตรและอาหารของไทย โดยในส่วนของสินค้ากาแฟ กระทรวงพาณิชย์ได้เลือกเฟ้นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพจากโครงการ “การเพิ่มศักยภาพกาแฟไทยในยุคการค้าเสรี” ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่อบรมให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง มาเข้าร่วมแสดงสินค้า ซึ่งปรากฏว่าได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี มีคู่ค้าทั้งจากไทยและต่างประเทศขอจับคู่ธุรกิจเป็นจำนวนมาก เช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโขงเข้มนครหงส์ มีนักธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และอินเดีย ให้ความสนใจเมล็ดกาแฟคั่ว โดยเฉพาะเมล็ดโรบัสต้า ส่วน Hillkoff มีคู่ค้าจากอินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ต้องการนำเข้าเช่นกัน ขณะที่กาแฟจินตนามณีพฤกษ์ มีนักธุรกิจไทยต้องการติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ เป็นต้น
“กระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับการยกระดับสินค้ากาแฟอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาความพร้อมตลอดห่วงโซ่การผลิตในอุตสาหกรรม จึงมอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกาแฟในพื้นที่การผลิตสำคัญทั่วประเทศ เพื่อติวเข้มการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ กลยุทธ์การเจาะตลาดต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งกรมฯ เชื่อมั่นว่าการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์กาแฟรูปแบบใหม่และพัฒนาคุณภาพให้มีมาตรฐาน จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันในตลาดพรีเมียมของต่างประเทศได้ ขณะที่เอฟทีเอจะช่วยสร้างแต้มต่อให้สามารถเข้าถึงตลาดได้โดยมีต้นทุนที่ต่ำลง” นายสินิตย์เสริม
ทั้งนี้ กาแฟไทยนับว่ามีนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัย รสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ โดยในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค. – มี.ค. 2565) ไทยส่งออกกาแฟสำเร็จรูป มูลค่า 27.07 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.85% จากปีก่อนหน้า ขณะที่การส่งออกเมล็ดกาแฟดิบ มีมูลค่า 0.14 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 36.36% และส่งออกเมล็ดกาแฟคั่ว มูลค่า 0.24 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 25% ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และแคนาดา สำหรับการนำเข้า ไทยนำเข้าเมล็ดกาแฟคั่ว มูลค่า 4.79 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.14% นำเข้าเมล็ดกาแฟดิบ มูลค่า 0.84 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 29.41% และนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป มูลค่า 32.22 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.56% แหล่งนำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ เวียดนาม สปป.ลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์