สยามดิสคัฟเวอรี่ ผนึก NIMIT Cryptomind และ Fairtex เปิดตัวดิจิทัลแลนด์ครั้งแรกบน The Sandbox
สยามดิสคัฟเวอรี่ จับมือ NIMIT Cryptomind และ Fairtex โคครีเอทโปรเจกต์ "Fight for the Future" เปิดตัวดิจิทัลแลนด์ของคนไทยครั้งแรกบนพื้นที่ The Sandbox สร้างปรากฏการณ์เชื่อมโลกดิจิทัลที่สัมผัสได้
สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ตอกย้ำการเป็น The Biggest Arena of Lifestyle Experiments เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาร่วมค้นพบ (Experiment), สร้างสรรค์ (Create) และพัฒนา (Cultivate) ได้อย่างไม่รู้จบ ล่าสุดสร้างปรากฏการณ์แห่งปี กับ Grand Collaboration and Co-Creation การจับมือครั้งสำคัญของ กลุ่มสยามพิวรรธน์ ร่วมกับ NIMIT และ Cryptomind ผู้บุกเบิกในด้านบริการทางการเงินด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน ชวนทุกคนมาค้นพบความสนุกกับโปรเจกต์ "Fight for the Future" พบกับการเปิดตัวดิจิทัลแลนด์ของคนไทยบนโลก The Sandbox แพลตฟอร์มโลกเสมือน (Virtual World) ที่มีผู้เล่นกว่า 2 ล้านคนทั่วโลก โดยพื้นที่นี้ได้นำแบบจำลองพื้นที่ของศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ มาเป็นต้นแบบในการออกแบบดีไซน์ พร้อมนำเสนอเกมสนุกสุดมันด้วยกีฬา Thai Boxing นำความเป็นไทยสู่เวทีโลก เปิดให้ทุกคนร่วมสู้ Fight for The Future ร่วมสนุกพร้อมรับรางวัลพิเศษ
นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก Fairtex ผู้นำในธุรกิจอุปกรณ์การต่อสู้และเสื้อผ้าสำหรับอุตสาหกรรมมวยไทยและศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เข้าร่วมนำเสนอสินค้าคอลเลคชันพิเศษที่สามารถครีเอทความเป็นตัวตนในรูปแบบอวตารและแบบไฮเปอร์เพอร์ซัลนอล พร้อมยกเวทีมวยจริงมาท้าประลองไปพร้อมกับการชกมวยในโลกดิจิทัล ซึ่งนับว่า "Fight for the Future" ได้สร้างปรากฏการณ์ Collaboration ระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนผสมผสานเข้าไว้ด้วยกันในแบบ O2O อย่างแท้จริง
"สยามดิสคัฟเวอรี่" ต้นแบบของ Lifestyle Lab
นางสาวปวีณา คชเสนี ผู้บริหารสยามดิสคัฟเวอรี่ กล่าวว่า สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม มีจุดยืนที่ชัดเจนในการเป็นสถานที่สำหรับการค้นพบประสบการณ์แปลกใหม่อยู่เสมอ ในทุกพื้นที่ของสยามดิสคัฟเวอรี่ ล้วนผ่านการคิดค้นสร้างสรรค์ นำเสนอสินค้าและบริการที่มีความพิเศษเหมาะกับไลฟ์สไตล์และคอมมูนิตี้ที่มีอยู่อย่างหลากหลาย โดยมีพื้นที่ Future Lab ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ให้ความสำคัญ คิวเรทเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อนำเสนอเทรนด์ที่กำลังเป็นกระแสในคอมมูนิตี้ต่างๆ ให้ทุกคนเข้าร่วมค้นพบประสบการณ์แปลกใหม่ นำเสนอตามธีมหรือเทรนด์ที่น่าสนใจหมุนเวียนให้ทุกคนเข้ามาร่วม Come Play with Us มาโดยตลอด ตอกย้ำการเป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาร่วมค้นหาประสบการณ์ที่ไม่เคยสัมผัสจากที่ใดมาก่อน นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มความสนุกโดยการเชื่อมให้สนุกไปกับเควสต่างๆ ในโลกเสมือน เพื่อนำมาแลกเป็นรางวัลในโลกแห่งความเป็นจริงที่สยามดิสคัฟเวอรี่
นายสาลวิท สุวิพร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนวัตกรรมธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ในฐานะ Creative Innovation Strategist ผู้ดูแลยุทธศาสตร์ด้านนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์พัฒนาโซลูชันธุรกิจด้วยนวัตกรรมใหม่ กล่าวว่า ทุกวันนี้ ผู้คนทั่วโลกตื่นตัว และตื่นเต้นกับการใช้ชีวิตบนโลก Metaverse ที่นับวันยิ่งก้าวล้ำพัฒนา และมีจำนวนผู้เข้าร่วมเล่นในทุกแพลตฟอร์มในจำนวนมหาศาล สยามดิสคัฟเวอรี่ จึงตอบรับการแสความสนใจของเหล่าคอมมูนิตี้เกมเมอร์และผู้สนใจท่องโลก Metaverse สร้างโปรเจกต์ "Fight for the Future" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 กรกฏาคม – 31 สิงหาคม 2565 โดยร่วมกับพันธมิตรระดับโลก อย่าง NIMIT Studio, Cryptomind และ Fairtex รวมศักยภาพร่วม Co-create ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของการผสานโลกจริงและโลกดิจิทัลในแบบ O2O ครั้งแรกของการนำเกมสนุกบนพื้นที่ The Sandbox บนแลนด์ที่สร้างสรรค์โดยฝีมือคนไทยมาร่วมนำเสนอประสบการณ์บนพื้นที่ Future Lab ของสยามดิสคัฟเวอรี่ ทั้งนี้พันธมิตรที่มาร่วมจำลองศิลปะการต่อสู้เชื่อมต่อจากโลกเสมือนจริงอย่าง Fairtex ยังเพิ่มสีสันด้วยการสร้างไอเทมพิเศษแบบไฮเปอร์เพอร์ซัลนอลจากทางเครืออีกด้วย
NIMIT ร่วมสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกในโลก
นายชยารพ บุรพัฒน์ นักสร้างสรรค์และผู้ก่อตั้ง NIMIT Studio (นิมิต สตูดิโอ) กล่าวว่า NIMIT ในฐานะ Multiverse Builder Studio และ Official Partner Studio ของ The Sandbox หนึ่งในแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส ภูมิใจนำเสนอแลนด์ในโลกดิจิทัลที่มีชื่อว่า "Jinta Valley" หรือหมู่บ้านจินตะ หนึ่งในแลนด์บน The Sandbox Alpha Season 3 ซึ่งเป็นโปรเจกต์อันดับที่สองของนิมิต สตูดิโอ ในฐานะออฟฟิชเชียลพาร์ทเนอร์สตูดิโอ ซึ่ง Jinta Valley เป็นพื้นที่บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้เพื่อแสดงจุดยืนทางสังคม โดยมีผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งยังถ่ายทอดความเป็นไทยผ่านโลกดิจิทัลด้วยการออกแบบองค์รวมอย่างผสมผสานให้เกิดประสบการณ์ที่แปลกใหม่
โดยไฮไลต์ของงาน "Fight for the Future" นิมิต สตูดิโอ ได้สร้างพื้นที่บนชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่ ให้เป็น NFT Creative Placemaking Space ร่วมกับ Cryptomind เพื่อรวบรวมนักสร้างสรรค์หลายแขนง ทั้งศิลปินภาพวาด NFT นักโฆษณา นักวาดภาพประกอบ นักดนตรี คอมมูนิตี้คริปโทฯ และชุมชนนักสะสมภาพวาด PFP ใน Fight for The Future - Hope is Dope : Episode Zero ซึ่งนิมิตนำเสนอมุมมองในการเชื่อมโลกศิลปะ ที่แสดงให้เห็นถึงการแสดงออกทางความคิดและตัวตนของบุคคลในทางสร้างสรรค์ ตลอดจนร่วมจุดประกายสังคมในการผนึกกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงสร้างสรรค์ ผ่านแนวความเชื่อ ความหวังของโลก คือความหวังของอนาคต ที่จะเห็นการยอมรับในความคิด ความแตกต่างที่ไม่แบ่งกันทางวัฒนธรรม เชื้อชาติ ตลอดจนการเห็นใจซึ่งกันและกัน และการให้สิทธิเสรีภาพต่อการแสดงออกทางความคิดผ่านประสบการณ์ Fight For ทั้ง 5 (Fight for Love, Fight for Nature, Fight for Style, Fight for Peace, Fight for Fun (Creativity and Community) ทั้งนี้นิมิตได้สร้างโซนสำหรับเกมเมอร์สเพื่อให้ผู้เล่นและคอมมูนิตี้ สัมผัสประสบการณ์รูปแบบเกมส์ Voxel และทำภารกิจ อาทิ Game station สำหรับเข้าแลนด์ Jinta Valley บนแพลตฟอร์ม The Sandbox, NFT Showcase ในรูปแบบ Augmentation Reality (AR), On Site PFP Community Immersive Experience, และ Avatar Customization ภายใต้ธีมต่างๆ
นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวว่า การผสานความร่วมมือกันในโปรเจกต์ "Fight for the Future" กับสยามดิสคัฟเวอรี่ และ NIMIT Studio นับเป็นอีกก้าวของการสร้างปรากฏการณ์ที่เหนือระดับให้กับสยามดิสคัฟเวอรี่ โดยคริปโตมายด์ในฐานะที่ปรึกษาด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและการพัฒนา Metaverse ได้ร่วมกับ Nimit Studio ทำประเทศดิจิทัล NIMIT2050 บน พื้นที่ดินดิจิทัล The Sandbox การที่สยามดิสคัฟเวอรี่ และ Fairtex ได้เข้ามาร่วม Jinta Valley บน The Sandbox Alpha Season 3 ถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีผสานโลกจริงกับโลกดิจิทัลเข้าด้วยกันเพื่อยกระดับการบริการและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า และ Community นอกจากนี้ ยังร่วมกับนิมิต สตูดิโอจัด Talks ในหัวข้อเกี่ยวกับ Future of Artists และ Future of Metaverse and Investment ที่รวบรวมผู้มีชื่อเสียงมากมายในวงการศิลปะ และวงการสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อให้ความรู้ในหัวข้อเกี่ยวกับถอดรหัสความสำเร็จของศิลปิน, NFT, อัตลักษณ์ของ Digital Nation, การลงทุนใน Metaverse และอีกมากมายในวันที่ 30-31 กรกฎาคม นี้
Fairtex ร่วมนำเสนอไทยบ๊อกซิ่งในแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
นายชาโณ เหนือเมฆิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Fairtex Equipment Co., Ltd. หรือ Fairtex กล่าวว่า ในฐานะคีย์เพลย์เยอร์ในวงการมวยไทยมายาวนาน รู้สึกยินดีที่กีฬาไทยบ๊อกซิ่งได้มีโอกาสอวดสายตาชาวโลกให้ชื่นชมอีกครั้ง ในรูปแบบล้ำสมัยบนโลกดิจิทัล Metaverse เป็นการเข้าถึงผู้คนทั่วโลกให้ได้สัมผัสเสน่ห์และความสนุกของกีฬามวยไทยในรูปแบบใหม่ ในโอกาสนี้ Fairtex จึงได้ร่วมสนับสนุนโปรเจกต์ "Fight for the Future" เพื่อเชื่อมโลกกีฬาไทยบ๊อกซิ่งจากเวทีมวยจริงกับสังเวียนบนโลกดิจิทัล เริ่มด้วยการนำเสนอชุดมวยไทยบนโลก The Sandbox ให้เหล่า Avatar ได้เลือกใช้แต่งตัวในแบบเพอร์ซัลนอล ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกซื้อชุดมวยที่นำดีไซน์จาก จักรกฤษณ์ อนันตกุล หรือ HelloiamJK ศิลปินกราฟิกดีไซเนอร์ไทยชื่อดัง ที่มาร่วมออกแบบคอลเลคชันพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ที่สามารถหาซื้อที่ได้ภายในงานนี้เท่านั้น และยังได้ออกแบบชุด Collection พิเศษ ให้กับ Avatar นอกจากนี้ยังมี เมธัส เทพนวล หรือ Sun smile club มาร่วมทำ customize อีกด้วย และขอเชิญชวนทุกคนมาสนุกกับ punching speed gaming ที่เปิดเวทีให้สนุกกับการชกมวยในรูปแบบใหม่ ซึ่งคาดว่าจะถูกใจทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
Fight for Future ชวนทุกคนมาสนุกกับการสู้เพื่อสิ่งที่คุณต้องการ
"Fight for the Future" เป็นโปรเจกต์ที่เชื่อมโลก O2O ที่ผสมผสานกิจกรรมที่สามารถสนุกพร้อมกันได้ทั้งโลก Metaverse กับโลกเรียลลิตี้ สยามดิสคัฟเวอรี่ จึงเพิ่มความสนุกด้วยการท้าทุกคนดึงสัญชาตญาณนักสู้ในตัวคุณ มาร่วม Fight เพื่อสิ่งที่หมายมั่น ผู้ร่วมกิจกรรมเมื่อร่วมสนุกในเกมต่างๆ บน The Sandbox จะได้รับของรางวัล โดยแบ่งเป็น Fight for Style รับคูปองส่วนลดสำหรับใช้ในสินค้าแฟชั่น, Fight for Love รับรูปองส่วนลดสำหรับสินค้าจาก ICONCRAFT และ ODS., Fight for Nature รับคูปองส่วนลดจาก Ecotopia, Fight for Peace รับคูปองส่วนลดจากแบรนด์สตรีทสไตล์ และ Fight for Fun รับคูปองส่วนลดจากร้าน Loft และ Digital Lab โดยสามารถกดรับคูปองรางวัลนี้ได้ทาง ONESIAM SuperApp ซึ่งนอกจากมีของรางวัลพิเศษให้ผู้ร่วมสนุกกับกิจกรรมแล้ว แอปพลิเคชัน ONESIAM ยังมีสินค้าที่เกี่ยวกับกับโปรเจกต์ "Fight for the Future" ให้เลือกช้อปพร้อมรับ VIZ Coin ได้อีกด้วย
สนุกเต็มที่ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม กับโปรเจกต์ "Fight for the Future" ระหว่างวันที่ 22 กรกฏาคม ถึง 31 สิงหาคม 2565 นี้