โพลล์เผย "วัยรุ่นไทยตื่นเต้นใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก"
“พฤติกรรมและความคิดเห็นต่อการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งของเยาวชนที่เพิ่งมีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกในการเลือกตั้ง
ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) เปิดเผยผลการสำรวจ “พฤติกรรมและความคิดเห็นต่อการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งของเยาวชนที่เพิ่งมีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นี้” สำรวจระหว่างวันที่ 4 ถึง 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,057 คน
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศให้วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 เป็นวันที่จะมีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป โดยกำหนดให้มีการเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 4 ถึง 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในรอบหลายปีนับแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เข้ามาควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนี้ มีหลายพรรคการเมืองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมีการประกาศนโยบายต่างๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันประชาชนทั่วไปก็เริ่มตื่นตัวในการใช้สิทธิ์เลือกตัง แต่เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการมาถึงเกือบ 8 ปีเต็ม จึงทำให้การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ถือเป็นการได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกของกลุ่มเยาวชนอายุ 18 ถึง 26 ปี ดังนั้น สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจพฤติกรรมและความคิดเห็นต่อการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งของเยาวชนที่เพิ่งมีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นี้
จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ถึง 26 ปี ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก แบ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 50.71 และเพศชายร้อยละ 49.29 สามารถสรุปผลได้ดังนี้ ในด้านความสนใจและความรู้สึกต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 47.78 ระบุว่าตนเองให้ความสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นี้บ้าง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 28.19 ระบุว่าตนเองให้ความสนใจติดตามโดยตลอด โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างถึงเกือบหนึ่งในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 24.03 ยอมรับว่าตนเองไม่ให้ความสนใจติดตามเลย ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61.02 ยอมรับว่าตนเองรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 38.98 ระบุว่าไม่รู้สึกตื่นเต้น
ในด้านความตั้งใจ การตัดสินใจ และความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 64.24 ระบุว่าตนเองตั้งใจจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นี้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 15.7 ยอมรับว่าตนเองตั้งใจจะไม่ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 20.06 ระบุว่ายังไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60.74 ยอมรับว่าตนเองยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นี้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 39.26 ระบุว่าตนเองตัดสินใจแล้ว ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 70.29 ยอมรับว่าตนเองไม่เข้าใจระบบการคำนวณเพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละพรรคการเมืองในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นี้ ขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 29.71 ระบุว่าตนเองเข้าใจ
สำหรับเหตุผลในการตัดสินใจเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 29.42 ระบุว่าเหตุผลสำคัญที่สุดที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคือเลือกตามสมาชิกในครอบครัว รองลงมาระบุว่าเลือกตามเพื่อนฝูง/คนรู้จักคิดเป็นร้อยละ 20.15 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 18.45 ระบุว่าเลือกจากคุณสมบัติ/พฤติกรรมของตัวผู้สมัคร ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 11.35 ร้อยละ 10.03 และร้อยละ 7.38 ระบุว่าเลือกจากนโยบายของพรรค ผู้ที่พรรคเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี และคุณสมบัติ/พฤติกรรมของผู้บริหาร/สมาชิกพรรคตามลำดับ และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 3.22 ระบุว่าสาเหตุอื่นๆ
ด้านความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 71.52 ยอมรับว่าตนเองรู้สึกกังวลว่าจะมีการทุจริต/คดโกงด้วยวิธีการต่างๆในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นี้ มากกว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่ผ่านๆ มา ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 48.82 ยอมรับว่าตนเองรู้สึกกังวลว่าหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นี้ ประเทศจะกลับไปสู่ความขัดแย้งวุ่นวายทางการเมืองอีกครั้ง