ซีอีโอเครือซีพี คิกออฟโครงการ "ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร" ลุยแจก “สมุนไพรฟ้าทะลายโจร 30 ล้านแคปซูล”
ซีอีโอเครือซีพี คิกออฟโครงการ "ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร" แจก "สมุนไพรฟ้าทะลายโจร 30 ล้านแคปซูล" เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรคให้กับประชาชน
26 พฤศจิกายน 2564 - จากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6,559 คน และยังมีผู้ป่วยสะสมกว่า 2 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยได้ทยอยเปิดประเทศแล้ว แต่ยังถือว่ามีความเสี่ยงและต้องเฝ้าระวังในหลายพื้นที่
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี เปิดเผยว่า จากนโยบายของประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ต้องการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงยาสมุนไพรไทยเพื่อใช้เสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรค จึงประกาศจัดทำโครงการ "ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร" เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ภายใต้แนวคิด "ร้อยเรียงความดี ซีพี 100 ปี" ขึ้น โดยเครือซีพีได้จัดพื้นที่แปลงปลูกจำนวน 100 ไร่ ที่ศูนย์วิจัยแสลงพัน และฟาร์มคำพราน จ.สระบุรี เริ่มดำเนินการปลูกต้นฟ้าทะลายโจรตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแจกฟรี 30 ล้านแคปซูล โดยขณะนี้กระบวนการปลูกจนถึงการผลิตยาสมุนไพรดำเนินการเสร็จสิ้นพร้อมแจกจ่ายส่งมอบไปยังประชาชนคนไทย
ซีอีโอเครือซีพี กล่าวว่า เครือซีพีพร้อมทุกกลุ่มธุรกิจได้ผนึกกำลังส่งมอบยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรไปยังองค์กรพันธมิตร โรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา มูลนิธิ และกลุ่มจิตอาสาในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งพื้นที่ที่ยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 โดยเริ่มแจกจ่ายที่มูลนิธิดวงประทีป ชุมชนคลองเตย เป็นแห่งแรก พร้อมตั้งเป้าหมายทยอยแจกจ่ายอย่างต่อเนื่องผ่านกลุ่มและองค์กรพันธมิตรต่างๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศตลอดเดือนธันวาคม อาทิ มอบให้โรงพยาบาลใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ (สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ผ่านกรมการแพทย์แผนไทย ซึ่งยังเป็นพื้นที่สีแดงเข้มของการแพร่ระบาดโควิด-19 รวมถึงแจกจ่ายไปยังประชาชน และกลุ่มเปราะบางผ่านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สภากาชาดไทย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช มูลนิธิออทิสติก มูลนิธิพระดาบส มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย กลุ่มมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา องค์กรสื่อต่างๆ กลุ่มจิตอาสา ชุมชนมักกะสัน และชุมชนลาดพร้าว เป็นต้น
“เครือซีพี ยึดมั่นในหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในค่านิยมสำคัญขององค์กรที่ต้องสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ รวมถึงประชาชนมาเป็นลำดับแรก ซึ่งท่านประธานอาวุโสธนินท์ เล็งเห็นว่าเครือฯ มีศักยภาพที่จะช่วยเหลือสังคมได้ในภาวะปัจจุบันที่การสร้างสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนไทยทุกคน ซีพีจึงขอร่วมส่งเสริมสนับสนุนการใช้สมุนไพรไทยอย่างฟ้าทะลายโจรที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันไข้หวัดสร้างภูมิคุ้มกันแจกจ่ายฟรีให้กับประชาชนคนไทยผ่านกลุ่มองค์กรพันธมิตรต่างๆ ต่อไป” นายศุภชัย กล่าว
นายวรวิทย์ เจนธนากุล กรรมการและเลขานุการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะผู้แทนเครือฯ ส่งมอบยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร โครงการ "ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร" จำนวน 5,000 กระปุก ให้แก่มูลนิธิดวงประทีป กล่าวว่า เครือซีพีมุ่งมั่นช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศชาติมีวิกฤติ ซึ่งการมอบฟ้าทะลายโจรให้แก่มูลนิธิดวงประทีปครั้งนี้ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนในชุมชนคลองเตยได้ใช้เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อไป
ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป กล่าวว่า ขอบคุณท่านประธานอาวุโสเครือซีพี ที่มีเจตจำนงเพื่อช่วยเหลือประชาชนคนไทย และได้เลือกมูลนิธิดวงประทีปเป็นหน่วยงานเพื่อส่งต่อความห่วงใยไปสู่คนในชุมชนคลองเตยที่มีประชากรอยู่ประมาณ 1 แสนคน ซึ่งยาฟ้าทะลายโจรที่ได้รับมาในครั้งนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อคนในชุมชน เพราะช่วยทำให้ประชาชนที่ขาดโอกาสได้เข้าถึงยาเพื่อใช้ในการรักษาโรคและเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ เพราะฟ้าทะลายโจรเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่มีสรรพคุณหลากหลาย
สำหรับ ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร โครงการ "ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร" ได้ดำเนินการผลิตตาม พ.ร.บ.ยาสมุนไพร และผ่านการรับรองการขึ้นทะเบียนยาสมุนไพรกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ที่มีข้อกำหนดด้านปริมาณสารสำคัญ Andrographolide ในวัตถุดิบอย่างเคร่งครัด โดยแปลงปลูกทั้ง 100 ไร่ ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จาก กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งการบรรจุแคปซูลยังได้รับรองมาตรฐานจาก GMP PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานสำคัญของโรงงานผลิตยา รวมถึงมีการฉายรังสีแกมมาทุกแคปซูล เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีอายุเก็บได้ยาวนานขึ้น และคงคุณภาพของยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบให้ประชาชนคนไทยทั่วทุกภูมิภาค
นอกจากนี้ ซีพีได้ศึกษา พัฒนาเมล็ดพันธุ์และกล้าพันธุ์ฟ้าทะลายโจร เพื่อพัฒนาเป็นองค์ความรู้ที่สมบูรณ์แบบของประเทศไทย โดยจะมอบพันธุ์ที่ศึกษาไว้ทั้งหมดให้แก่เกษตรกรและชาวบ้านทั่วไปนำไปขยายพันธุ์เพาะปลูก รวมถึงให้คำแนะนำเทคนิคในการเลี้ยงดูและการปลูกให้ได้ผลอีกด้วย